หากพูดถึงเส้นทางการค้าโบราณในยุคก่อนการสำรวจของชาวยุโรป ชาติที่โผล่เข้ามาติดต่อค้าขายกับดินแดนสุวรรณภูมิคืออาหรับและเปอร์เซีย ซึ่งมีร่องรอยเป็นการค้นพบซากเรือโบราณอับปางในดินแดนแถบนี้ตั้งแต่ในประเทศไทยไปจนถึงประเทศอินโดนีเซีย
จากเรือที่พบในแหล่งโบราณคดีประเภทเรือจมทั้งในประเทศไทยและอินโดนีเซียนั้น ศึกษาจากรูปแบบแล้วจัดว่าเป็นเรือใบอาหรับซึ่งเป็นเรือใบใช้ในหมู่ชาวอาหรับและเปอร์เซีย ในระยะแรกสินค้าจากซีกโลกตะวันตกได้ถูกนำเข้ามายังสุวรรณภูมิโดยผ่านเรือใบแบบอาหรับที่เรียกว่า “ดาวห์” (Dhow) หรือ Arabian Dhow (บางครั้งชาวฝรั่งออกเสียงเรือนี้ว่า “โดว์”) ซึ่งต่อมาลักษณะของเรือใบอาหรับนี้จะกลายเป็นต้นแบบของเรือใบแบบฝรั่งที่เราเรียกว่า “เรือกำปั่น” นั่นเอง
น่าเสียดายที่เรายังไม่สามารถหาหลักฐานรูปร่างหน้าตาของเรือใบอาหรับในยุคแรกได้อย่างชัดเจนนัก ข้อมูลการศึกษาเกี่ยวกับลักษณะของเรือใบอาหรับในชั้นต้นมาจากเอกสารของพวกนักประวัติศาสตร์ชาวกรีก-โรมันที่ได้บันทึกถึงรายละเอียดของเรือดาวห์พวกนี้เอาไว้ รวมถึงมรดกของการยืมเทคนิคการต่อเรือมาเป็นรากฐานในการพัฒนาขึ้นเป็นเรือแบบปลายยุคโรมันที่มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก
เพื่อรื้อสร้างภาพของเรือโบราณอาหรับเหล่านี้นักวิชาการสมัยหลังจึงอาศัยการศึกษาบันทึกทางประวัติศาสตร์ร่วมกับลักษณะของเรือสมัยโรมันจากซากของเรือโบราณที่พบจากแหล่งเรือจมหรือจากงานศิลปะ นำมาเปรียบเทียบกับเทคนิคที่ชาวต่อเรือในแถบเมืองท่าทะเลแดงยังคงต่อกันอยู่ในทวีปแอฟริกาปัจจุบันจนทำให้เราทราบถึงลักษณะและเทคนิคการเดินเรือของชาวอาหรับและเปอร์เซียโบราณเหล่านี้ได้

การจำแนกประเภทเรือของยุโรปจะแบ่งตามประเภทของการขึงใบเรือ (sail rigging) ในขณะที่เรือในตะวันออกกลางจะแบ่งประเภทชื่อเรียกตามลักษณะของตัวเรือ (Hull) เช่นเรือใบอาหรับที่มีช่วงท้ายเรือเป็นสี่เหลี่ยม (square sterns) เป็นแบบที่ได้รับอิทธิพลจากเรือของชาวยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ก็จะมีชื่อเรียกเฉพาะออกไปอีกประเภทหนึ่ง
ส่วนรูปลักษณ์ทั่วไปของเรือใบอาหรับคือมีหัวเรือเรียวแหลม ท้ายมน ทั้งส่วนหัวและท้ายของเรืออยู่ในระดับเดียวกัน มีเสากระโดงขนาดใหญ่หนึ่งเสาหรือสองเสา จำนวนเสาแล้วแต่ขนาดระวางของเรือว่ามีขนาดใหญ่มากน้อยเพียงใด ด้านหัวเรืออาจมีการติดเสาชี้เพื่อใช้กำหนดทิศทางและแขวนใบเรือสามเหลี่ยมด้านหน้า
ลักษณะของใบเรือที่เป็นทรงสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ขึงตามแนวยาวของตัวเรือโดยอาจจะมีคานแนวระนาบหรือพรวนใบ (Yard) ประคองเป็นเอกลักษณ์ของเรือดาวห์ ใบเรือนิยมขึงกัน 2 ใบ ใบหนึ่งสำหรับขึงกลางคืนหรือเวลาที่สภาพอากาศเลวร้าย ส่วนอีกใบใช้สำหรับตอนกลางวันและเวลาที่อากาศแจ่มใส แต่ใบเรือของเรืออาหรับไม่สามารถม้วนเก็บได้ นอกจากจุดเด่นเรื่องใบเรือแล้ว ยังมีเทคนิคการหมันเรือซึ่งเป็นการใช้วัสดุอินทรีย์ในการยึดแผ่นไม้ของเรือเอาไว้ด้วยกัน เช่นการใช้เส้นใยพืช เชือก สายหนัง เป็นต้น ทำให้เรือใบแบบอาหรับเรียกว่าเป็นงานหัตถศิลป์ทรงคุณค่าที่มีความเก่าแก่นับพันปี
การหมันเรือด้วยวัสดุอย่างเชือกหรือเส้นใยชวนให้รู้สึกว่าไม่มั่นคง แต่เทคนิคนี้ก็ไม่ใช่มีเพียงแต่ชาวอาหรับเท่านั้นที่ใช้กัน การหมันเรือแบบนี้สามารถพบได้ทั่วไปในมหาสมุทรอินเดียช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 บันทึกของกัปตันเรือชาวกรีกได้เขียนถึงเรือเล็กซึ่งหมันเรือด้วยการยึด (sewn boats) ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1 นอกฝั่งแซนนิบาร์ (Zanzibar) และชายฝั่งทางใต้ของอาระเบีย ส่วนมาร์โคโปโล (Marco Polo) บันทึกว่าได้พบเห็นการหมันเรือแบบนี้ที่ฮอร์มุซ (Hormuz) ปากอ่าวเปอร์เซีย และยังได้เสริมว่าการหมันเรือแบบนี้วัสดุไม่ถูกกัดกร่อนด้วยน้ำทะเล เพียงแต่อาจไม่ทนต่อพายุเท่าไรนัก ปัจจุบันที่แซนนิบาร์ยังคงมีอู่ต่อเรือที่ต่อเรือโดยใช้เทคนิคโบราณหลงเหลืออยู่ เรือใบอาหรับก็ยังคงถูกใช้งานในน่านน้ำบริเวณดังกล่าวทั้งในการขนส่งและการท่องเที่ยว
ส่วนหลักฐานที่เป็นภาพวาดนั้นปรากฏในหนังสือสมัยยุคกลาง อย่างรวมบทกวี (Maqamat) พร้อมภาพประกอบของ Al-Hiriri อายุราวคริสต์ศตวรรษที่ 13 ทำการวาดภาพเรือแบบอาหรับที่กำลังประสบภัย มีสภาพเสากระโดงหลักที่หักโค่นลง และน้ำกำลังเข้าท่วมใต้ท้องเรือ

จากภาพเขียนดังกล่าวเรามองเห็นเรือใบอาหรับที่มีส่วนหัวและท้ายอยู่ในระดับเดียวกัน มีช่องใต้ดาดฟ้าเรือสำหรับไว้พายกระเชียง บนดาดฟ้าเรือมีส่วนประกอบคล้ายมณฑปอยู่ตรงค่อนไปทางหน้าเรือ ภาพของฮาริรียังถูกนำไปวาดขึ้นใหม่โดยฝีมือของศิลปินยุคคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งจะให้ลายเส้นและรายละเอียดที่ชัดเจน มีการตกแต่งให้แตกต่างไปบ้าง อย่างการวาดตัวเรือในลักษณะปกติที่เสากระโดงเรือยังตั้งตรงมีการขึงใบเรือทรงสี่เหลี่ยมมุมมน พร้อมวาดส่วนของรังกา (Crow’s nest) บนเสาที่ 2 ของเรือด้วย

ในยุคแรกๆ ใบเรืออาหรับไม่เชิงว่าเป็นทรงสามเหลี่ยมเป๊ะๆ เสียทีเดียว มันเริ่มพัฒนาเป็นทรงสามเหลี่ยมในยุคของจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine) และการขึงใบเรือสามเหลี่ยมจึงแพร่กระจายจากเมืองไบแซนทิอุมไปยังส่วนอื่นๆ ของทวีปยุโรป ใบเรืออาหรับแบบนี้เองที่เป็นรากฐานในการสร้างใบเรือบนเสาท้ายเรือ (Mizzen sails) หลายรูปแบบที่ส่งผลให้ระบบใบเรือของเรือยุโรปเริ่มมีความยืดหยุ่นด้านการใช้งานมากขึ้น ระบบใบเรือดังกล่าวกลายมาเป็นรูปแบบของเรือขึงใบตามขวาง (The fore and aft rig) ของเรือในยุคแห่งการสำรวจภายหลัง เราจึงกล่าวโดยสรุปได้ว่าใบเรืออาหรับก็คือต้นแบบของเรือใบกำปั่นหรือเรือสำเภาแบบตะวันตกนั่นเอง

Credit : https://gulfnews.com/
กลับมาที่สุวรรณภูมิและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการพบแหล่งโบราณคดีประเภทเรือจมที่พบซากของเรือผูกโบราณหลายแห่งในประเทศอินโดนีเซียกับบริเวณใกล้เคียง แต่ที่พบว่าเป็นเรืออาหรับนั้นมีที่แหล่งเรือจมเบลิตุง (The Belitung Shipwreck) เป็นแห่งแรก และที่แหล่งเรือจมพนมสุรินทร์ อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ประเทศไทยเป็นแห่งที่ 2 ของเอเชียอาคเนย์

เรืออาหรับที่พบในไทยนี้มีความสมบูรณ์อย่างมาก เป็นเรือไม้ขนาดใหญ่ ความยาวประมาณ 25 เมตร กราบเรือหรือเปลือกเรือมีการเสริมกราบสองชั้นด้วยการเจาะรูแผ่นไม้แล้วใช้เชือกผูกโยงยึดแผ่นไม้เข้าด้วยกันตามเทคนิคการหมันเรือที่เหมือนกับเรืออาหรับโบราณ ทั้งยังมีการพบวัสดุเส้นใยเชือกที่ใช้สำหรับหมันเรือหลงเหลืออยู่ในรูแผ่นไม้ด้วย
อ่านต่อเรื่องเรือพนมสุรินทร์ผ่านทาง Facebook ของกองโบราณคดีใต้น้ำ
ส่วนเรือจมเบลิตุงนั้น เมื่อราวทศวรรษที่ผ่านมาเคยมีโครงการสร้างเรือจำลองตามเทคนิคโบราณ ซึ่งเป็นการร่วมงานระหว่างทางประเทศโอมานและสิงคโปร์ เพื่อทำการทดลองเดินเรือตามเส้นทางการค้าโบราณ โดยไม่ใช้เทคนิคสมัยใหม่ในการเดินเรือ

และอาจจะเป็นครั้งแรก (?) ที่เรือจำลองแบบเรือโบราณสามารถเดินทางไกลจากโอมานข้ามมหาสมุทรอินเดียและมาถึงที่หมายยังประเทศสิงคโปร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้โดยสวัสดิภาพ นับว่าเป็นข้อพิสูจน์สมรรถภาพของเทคโนโลยีโบราณ รวมถึงให้ภาพความทรงจำในอดีตเกี่ยวกับเส้นทางการค้าทางทะเลระหว่างตะวันออกกลางและคาบสมุทรมลายูที่กระจ่างชัดมากขึ้นแก่คนรุ่นหลัง
Featured Image : Watercolour by William Daniell depicting a seascape with an Arab Dhow in the foreground. Great Britain, ca. 1790-1837.© Victoria and Albert Museum, London.
References :
- History and Construction of the Dhow.(n.d.).Nabataea.net.https://nabataea.net/explore/navigation_and_sailing/history-and-construction-of-the-dhow-1/
- Kawach,N.(2010, January 12).Another ancient sailing ship to set forth.Sail-World.https://www.sail-world.com/Australia/Another-ancient-sailing-ship-to-set-forth/-65387
- The Belitung Shipwreck(n.d.).UNESCO.https://en.unesco.org/silkroad/silk-road-themes/underwater-heritage/belitung-shipwreck
- เรือพนมสุรินทร์.(2022, January 16).ฐานข้อมูลแหล่งโบราณคดีสำคัญในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร.https://archaeology.sac.or.th/archaeology/270
- สำนักศิลปากรที่ ๑ ราชบุรี.การศึกษาเรือโบราณพนมสุรินทร์ อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร [เอกสารPDF].กรมศิลปากร.https://www.finearts.go.th/promotion/view/7476
- ศรัณย์ บุญประเสริฐ.สำเภา – กำปั่น นาวาแห่งย่านสมุทรอุษาคเนย์.วารสารวัฒนธรรม.http://article.culture.go.th/index.php/gallery/3-column-layout-5/226-2020-09-28-08-55-08
