#Bridgertons : ดูBridgertonแล้ว ย้อนส่องประวัติศาสตร์ยุคRegencyกันหน่อย

ซีซั่น 2 ของซีรีส์ที่สร้างจากนวนิยายชุด Bridgerton ของ Julia Quinn กำลังจะลง Netflix วันที่ 25 มีนาคมนี้แล้ว หลังจากที่ความโรแมนติกของยุครีเจนซี่ทำให้ทั่วโลกฟินจนอยากไปงานเต้นรำกันเป็นแถว แต่ยุคนี้มีอะไรดี? ทำไมนิยายโรแมนซ์มักชอบเซตติ้งอยู่ในยุคนี้กัน? เรามาลองหาคำตอบไปพร้อมกัน

นิยายโรแมนติกทั้งในอดีตและปัจจุบันหลายเรื่องล้วนชื่นชอบการใช้ยุคสมัยรีเจนซี่ของประเทศอังกฤษในการถ่ายทอดวิถีชีวิตอันรุ่งเรืองมั่งคั่งทางวัฒนธรรมของชนชั้นสูง เจน ออสติน (Jane Austen) เจ้าของวรรณกรรมคลาสสิกอย่าง Pride and Prejudice (ค.ศ.1813) และ Emma (ค.ศ.1815) เองก็ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ศิลปะสุกงอมนี้่มานานพอจะทำให้เราหลงรักยุคนี้ผ่านปลายปากกาของเธอ ทั้งยังส่งผ่านความนิยมมายังนักเขียนรุ่นหลังอีกด้วย

โฆษณา

แล้วยุครีเจนซีคืออะไร?

Regency Era
1811-1820

ยุคของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

ยุครีเจนซี่ (ที่ไม่ใช่เหล้า) นี้แปลตามตัวก็คือยุคสมัยของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ของยุคจอร์เจี้ยน (Georgian era) ยุคที่จำกันได้ง่ายๆ คือมีกษัตริย์ชื่อจอร์จ (George) ติดกันถึง 4 พระองค์ โดยเป็นกษัตริย์จากราชสกุลฮันโนเวอร์ (Hanover) เชื้อสายจากเยอรมันเข้ามาปกครองอังกฤษและไอร์แลนด์

King George III and Queen Charlotte with their six eldest children in 1770.
(Image credit : Royal Collection)

ในช่วงรัชสมัยของกษัตริย์จอร์จที่ 3 (King George III) แห่งอังกฤษและไอร์แลนด์ ช่วงปลายพระชนม์ชีพทรงประชวรด้วยสุขภาพจิตจนไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ ทำให้ราชการแผ่นดินตกเป็นหน้าที่ของเจ้าชายจอร์จผู้ดำรงตำแหน่ง Prince of Wales กลายเป็นเจ้าชายผู้สำเร็จราชการแทนและบริหารดูแลแผ่นดินร่วมกับพระมารดาคือราชินีชาร์ล็อต (Queen Charlotte) ตั้งแต่ปี 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1811 จนกระทั่งพระราชบิดาคิงจอร์จสิ้นพระชนม์ปีค.ศ.1820 เจ้าชายจอร์จจึงได้ขึ้นครองราชย์ในฐานะกษัตริย์จอร์จที่ 4 ต่อไป

Queen Charlotte (1744-1818) by Nathaniel Dance-Holland (1735–1811)
Image credit : National Trust Collections

อ่านเรื่องราวของพระราชินีชาร์ล็อตต่อได้ที่นี่

Queen Charlotte | หรือนี่จะเป็นราชินีผิวดำแห่งอังกฤษ?

ใครคือราชินีชาร์ล็อต? พระนางเป็นราชินีผิวดำแห่งอังกฤษจร…

ฟังดูแล้วก็เหมือนเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่มีความร่ำรวยทางวัฒนธรรมตั้งแต่งานศิลปะ วิถีชีวิต และแฟชั่นเป็นอย่างมาก ซึ่งสะท้อนกับภาพของเจ้าชายจอร์จที่ทรงเป็นเจ้าชายหนุ่มรูปงาม รสนิยมดี มีความรอบรู้ สมกับฉายา “First Gentleman of England” และเป็นแบบแผนของอุดมคติสุภาพบุรุษในขณะนั้น

เจ้าชายรูปงามทรงเป็นองค์อุปถัมภ์งานศิลปะจำนวนมาก และทรงใช้งบประมาณส่วนพระองค์ไปกับวังทั้งในลอนดอนและไบรตัน (Brighton) ซึ่งเป็นวังริมทะเลที่สวยงามและยังเป็นหัวใจของย่านนั้นจนถึงทุกวันนี้

ราชสำนักของควีนชาร์ล็อตเองก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ชนชั้นสูงในสังคมสามารถเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิดได้ แต่ก็ถือข้อกำหนดที่แตกต่างไปจากราชสำนักทิวดอร์ (Tudors) พวกข้าราชบริพารไม่ได้ถูกจำกัดเสรีภาพด้วยพระเนตรพระกรรณมากนัก ส่งผลให้เหล่าขุนนางมีอิสระในการที่จะซุกซนบ้าง ซึ่งจะดูเปรี้ยวไปได้แบบไหนบ้าง ในซีรีส์เราก็น่าจะได้เห็นออกมาบ้างแล้ว

วิถีชีวิตของขุนนางโดยทั่วไปพวกเขาจะเข้ามาในลอนดอนที่เป็นเมืองหลวงในช่วงฤดูกาลงานสังคม (The Season) จากโดยปกติพวกเขาจะอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ในดินแดนที่ตนดูแลปกครองอยู่ ช่วงฤดูสังคมนี้เองที่พวกเขาจะมีปฏิสัมพันธ์กันผ่านงานเลี้ยงและการสมาคม และยังเสมือนเป็นหน้าหาคู่ครองของลูกหลานผู้ดีที่อายุถึงช่วงควรออกเรือน ในขณะที่ผู้ใหญ่เจรจาธุรกิจการงาน หนุ่มสาวก็ถูกนำมาเปิดตลาดกับเค้าด้วย ส่วนเด็กเล็กที่พ่อแม่ยังมองว่าโตไม่พอก็จะไม่ได้รับโอกาสในการมาปาร์ตี้กับเค้า

โฆษณา

ภาพของชนชั้นสูงช่างแตกต่างราวกับฟ้าและเหว เพราะในขณะที่ขุนนางเจ้าที่ดินปาร์ตี้กัุนอย่างเพลิดเพลิน เหล่าประชาชนกลับประสบปัญหาวิกฤตแรงงานและเศรษฐกิจ สืบเนื่องมาจากการบริหารที่ขาดความเข้มงวด ภาวะการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ค่าครองชีพที่แพงขึ้นเพราะภัยสงคราม (เอ๊ะ ทำไมคุ้นๆ เหมือนเกิดมาแล้วหลายที่) ทำให้ประชาชนที่อดอยากต้องเกิดประท้วงและจราจลกันเป็นระยะ

ก็คงถือเป็นข้อดีที่นิยายและซีรีส์เลือกโฟกัสที่สังคมชนชั้นสูงซึ่งแทบไม่ต้องเจอความยากลำบาก ทำให้เรามองเห็นเพียงแต่ความสวยงามเท่านั้น เพราะหากไปโฟกัสที่สลัมก็คงไม่มีใครอยากเสพ แต่ในซีรีส์ทางผู้จัดเองก็สอดแทรกภาพความลำบากของแรงงานอยู่นิดหน่อยเมื่อคราวที่ความลำบากนั้นถูกนำเสนอในฐานะผลพวงจากความไม่รักนวลสงวนตัวของสาวคนชั้ืนสูงนั่นเอง

เหตุการณ์สำคัญในยุครีเจนซี่

  • 1811

    • เจ้าชายจอร์จเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
    • Sense and Sensibility นิยายเรื่องแรกของเจน ออสเตนตีพิมพ์
    • สงครามนโปเลียนกับทางฝรั่งเศสกำลังดำเนินอยู่
    • สงครามคาบสมุทร (Peninsular War) ซึ่งดำเนินในคาบสมุทรไอบีเรียที่เป็นที่ตั้งของประเทศสเปนและโปรตุเกส
    • กองเรืออังกฤษชนะฝรั่งเศสในยุทธการณ์ลิซซา (Battle of Lissa)
    • เกิดกบฏ Luddites การประท้วงของแรงงานทอผ้าในภูมิภาคทางตอนกลางและทางเหนือของเกาะอังกฤษ โดยก่อการจราจลด้วยการทำลายเครื่องทอผ้าที่มาแย่งพื้นที่แรงงานในตลาด
    • การก่อสร้างถนน Regent Street ในลอนดอน
  • 1812

    • สเปนเซอร์ เพอร์ซิวัล นายกรัฐมนตรีอังกฤษถูกลอบสังหาร
    • Robert Banks Jenkinson เอิร์ลแห่งลิเวอร์พูลขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์
    • สหรัฐประกาศสงครามกับอังกฤษเนื่องจากข้อพิพาทเรื่องดินแดนและการค้า
    • การลุกฮือของกลุ่ม Luddites ทวีความรุนแรงขึ้น เกิดการโจมตีใน West Yorkshire และ Lancashire
    • ตรากฏหมาย Act.1812 ให้การกบฏทำลายเครื่องทอผ้าเป็นการต้องโทษประหารชีวิต
    • สงครามคาบสมุทร (Peninsular War) ดำเนินในคาบสมุทรไอบีเรียที่เป็นที่ตั้งของประเทศสเปนและโปรตุเกส
    • Gas Light & Coke Company ได้ดำเนินการติดตั้งแก๊สเพื่อสาธารณูปโภคครั้งแรกในลอนดอน
    • Lord Byron ได้รับการสถาปนายศครั้งแรก
    • Treaties of Örebro
    • ทางรถไฟ Middleton เปิดใช้บริการรถจักรไอน้ำเป็นครั้งแรก
    • Sir Richard Colt Hoare พิมพ์งานศึกษาชื่อว่า “The Ancient History of South Wiltshire” เป็นงานแรกๆ ที่เริ่มใช้หลักฐานทางโบราณคดีประกอบ
    • สงครามนโปเลียนยังไม่สิ้นสุด
  • 1813

    • อังกฤษพัวพันกับสงครามในประเทศสเปนและอเมริกา
    • สงครามคาบสมุทร (Peninsular War) ซึ่งดำเนินในคาบสมุทรไอบีเรียที่เป็นที่ตั้งของประเทศสเปนและโปรตุเกส
    • สงครามนโปเลียนยังไม่สิ้นสุด
    • แหลมกู๊ดโฮปกลายเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
    • เจน ออสเตน ตีพิมพ์ Pride & Prejudice
    • William Debenham ร่วมหุ้นกับ Thomas Clark ในกิจการห้างร้านขายเสื้อผ้าในลอนดอน ภายใต้ชื่อ Clark & Debenham
  • 1814

    • งานฟรอสต์แฟร์แห่งแม่น้ำเทมส์ที่จะจัดขึ้นตอนฤดูหนาวที่น้ำในแม่น้ำแข็งถูกจัดขึ้นเป็นปีสุดท้าย เนื่องมาจากภาวะโลกที่ร้อนขึ้นจนไม่เอื้อต่อการแข็งตัวของแม่น้ำเทมส์ในปีต่อๆ มา
    • สงครามคาบสมุทร (Peninsular War) ซึ่งดำเนินในคาบสมุทรไอบีเรียที่เป็นที่ตั้งของประเทศสเปนและโปรตุเกส
    • สงครามนโปเลียนใกล้ถึงจุดสิ้นสุด นโปเลียนถูกเนรเทศไปเกาะเอลบา (Elba)
    • สนธิสัญญาปารีส (1814)
    • Congress of Vienna การประชุมร่วมขนาดใหญ่ระดับทวีปแห่งแรกในประวัติศาสตร์
    • Treaty of Ghent สนธิสัญญาสงบศึกระหว่างอเมริกากับอังกฤษ
    • เดอะไทม์ติดตั้งเครื่องพิมพ์โรตารี่แบบ stop-cylinder printing press เป็นครั้งแรก ทำให้พิมพ์หนังสือพิมพ์ได้ถึงชม.ละ 1,100 หน้า
  • 1815

    • พระราชบัญญัติธัญญาหาร (corn law) ซึ่งตั้งกำแพงภาษีและจำกัดการนำเข้าธัญพืช
    • The Antiquary and Guy Mannering ของวอลเตอร์ สก็อตถูกตีพิมพ์
    • William Smith เผยแพร่แผนที่ภูมิศาสตร์ของสหราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก
    • มีการสร้างวังไบรตันใหม่โดยใช้รูปแบบศิลปะจากราชวงศ์โมกุลของอินเดียมาแทนรูปแบบนีโอ-คลาสสิก
  • 1816

    • การเก็บภาษีเงินได้ถูกยกเลิก (ชั่วคราวและกลับมาปี 1842)
    • การจราจล Ely / Littleport ที่เกิดขึ้นเพราะอัตราการว่างงานและค่าอาหารธัญพืชที่แพงขึ้น
    • เจ้าหญิงชาร์ล็อตอภิเษกกับเจ้าชายลีโอโพล์ด (Leopold of Saxe-Coburg)
    • ข่าวลือเกี่ยวกับชีวิตสมรสและพฤติกรรมในทางลบของลอร์ดไบรอนแพร่สะพัดจนทำให้ลอร์ดไบรอนต้องออกไปจากลอนดอนโดยไม่หวนกลับมาอีก
    • กบฏ Luddites ขยับมาตรการในการเคลื่อนไหวอย่างรอบคอบขึ้น
    • บริติชมิวเซียมนำเข้าประติมากรรมศิลา Elgin Marbles ด้วยงบ £35,000 มาจัดแสดงถาวร
    • พิพิธภัณฑ์FitzWilliamถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อจัดแสดงงานศิลปะในครอบครองของ Viscount FitzWilliam
    • Stethoscope ถูกพัฒนาและสร้างขึ้น
  • 1817

    • เศรษฐกิจตกต่ำหลังเผชิญภาวะสงครามยืดเยื้อยาวนาน
    • อัตราการว่างงานสูงขึ้นจนเกิดการจราจลโดยแรงงานมากขึ้นเรื่อยๆ
    • เจน ออสเตนเสียชีวิต
    • การจราจลครั้งใหญ่ของพวก Luddites ใน Loughborough
    • กลุ่มม็อบผ้าห่ม (Blanketeers) เกิดจากการรวมตัวกันในแมนเชสเตอร์เพื่อเดินขบวนเรียกร้องไปที่ลอนดอน
    • การลุกฮือที่เพนทริช (The Pentrich Rising) เป็นการจราจลด้วยแรงงานติดอาวุธจำนวนประมาณ 300 คนจาก Derbyshire
    • การระบาดของไข้รากสาดใหญ่ในEdinburgh และ Glasgow
    • เจ้าหญิงชาร์ล็อตเสียชีวิตระหว่างให้ประสูติ
    • เจ้าหญิงคาราบู (Princess Caraboo) ราชนิกุลตัวปลอมเริ่มปรากฏตัวในอังกฤษ
    • สะพานวอเตอร์ลูเปิดใช้ครั้งแรก
    • แกลลอรี่ภาพดัลวิชทางตอนใต้ของกรุงลอนดอนเปิดบริการ
    • ระบบไฟจากแก๊สถูกติดตั้งในโรงละคร Covent Garden
  • 1818

    • Frankenstein ถูกตีพิมพ์ครั้งแรก
    • สถาบันวิศวกรโยธา (Institution of Civil Engineers) ของอังกฤษถูกตั้งขึ้น
    • จักรยาน 2 ล้อถูกประดิษฐ์โดยชาวเยอรมันและจัดแสดงขึ้นครั้งแรกในฝรั่งเศส
    • Dr. James Blundell สามารถถ่ายเลือดมนุษย์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์
    • ราชินีชาร์ล็อตสวรรคตเมื่อพระชนมายุ 74 พรรษา
  • 1819

    • เหตุสังหารหมู่ปีเตอร์ลู (Peterloo massacre)
    • สิงคโปร์อยู่ในการปกครองของอังกฤษ
    • ภาคกฏหมายมีการออกกฏบังคับใช้เพื่อป้องกันและปราบปรามจราจลอันเนื่องมาจากเหตุที่วอเตอร์ลู 6 ฉบับ
    • William Bullock นำวัตถุจัดแสดงในครอบครองเข้าตลาดประมูลยิ่งใหญ่
    • ตลาดเบอร์ลิงตันอาร์เคด (Burlington Arcade) เปิดให้บริการในลอนดอน
    • เจ้าหญิงวิคตอเรียประสูติ (ภายหลังขึ้นครองราชย์เป็นพระราชินีในยุควิคตอเรียน)
    • John William Polidori ตีพิมพ์นิยาย The Vampyre.
    • สำนักปรัชญาแคมบริดจ์ (Cambridge Philosophical Society) ก่อตั้งขึ้น
  • 1820

    • กษัตริย์จอร์จทื่ 3 สิ้นพระชนม์หลังครองราชย์นาน 59 ปี
    • กษัตริย์จอร์จที่ 4 ขึ้นครองราชย์
    • แผนลอบสังหาร Cato Street Conspiracy ถูกเปิดโปง แผนการดังกล่าวประกอบด้วยการก่อการคล้ายปฏิวัติฝรั่งเศส ดดยเกิดจากการรวมตัวกันของผู้ไม่พอใจต่อการสังหารหมู่ที่ปีเตอร์ลู ผู้ก่อการถูกประหารชีวิตในที่สุด
    • วิลเลี่ยม เบรคตีพิมพ์ The Book of Job ส่วนของพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมในรูปแบบพร้อมภาพประกอบ
    • รูปปั้น Venus de Milo ถูกพบที่เกาะไมลอส

อ่านเรื่องราวอื่นๆ เกี่ยวกับ Bridgerton และยุครีเจนซี่…

โฆษณา

References:

One thought on “#Bridgertons : ดูBridgertonแล้ว ย้อนส่องประวัติศาสตร์ยุคRegencyกันหน่อย”

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.