ถ้าเรียกตัวเองว่า Feminist ในฐานะนักเคลื่อนไหวด้านสตรีนิยม ทุกคนจะคุ้นเคยกับบุคคลในความเชื่อและประวัติศาสตร์โบราณอย่าง “ลิลิธ” สตรีที่นักเคลื่อนไหวยุค 1960s หยิบยกเอามาใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเรียกร้องความเท่าเทียมกันในสังคมไปจนถึงการรื้อสร้างแนวคิดเจือปนระบอบปิตาธิปไตยในงานเขียนวิชาการและการตีความอดีต
เฟมินิสม์ในยุคนั้นใช้ภาพของลิลิธในฐานะภรรยาที่ถูกลืมของอาดัม เนื่องจากลิลิธไม่ใช่ภรรยาที่ยอมสยบต่ออำนาจของสามี แต่มีความคิดเป็นของตัวเองและพยายามแสดงออก นั่นทำให้คริสต์ศาสนิกชนมองว่าไม่สมควรและแทนที่ “ภรรยาที่เพียบพร้อม” ของอาดัมใหม่ด้วย “อีฟ” มาเป็นสัญญะในการเรียกร้องสิทธิสตรี
แม้ลิลิธจะมีรากความเชื่อมาจากปีศาจจริงๆ ในช่วงยุคก่อนคริสตกาลและพระคัมภีร์ ซึ่งปรากฏในแถบแอ่งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟนตีส แต่ส่วนที่นักสตรีนิยมนำมาใช่กันคือช่วงเรื่องราวของลิลิธซึ่งถูกเซ็นเซอร์ออกไปจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลของคริสต์ แต่จะปรากฏนามนี้หลายครั้งในคัมภีร์ทัลมุด (Talmud) ของชาวยิว

uploaded by Granger on June 6th, 2017.
สิ่งเดียวที่ยังพอหลงเหลือชื่อของลิลิธในไบเบิ้ล “แค่ครั้งเดียว” คือในพระคัมภีร์พันธสัญญาเก่า พระธรรมอิสยาห์บทที่ 34 ข้อที่14 โดยในการแปลเป็นภาษาอังกฤษแม้แต่ชื่อของลิลิธก็ยังโดนแทนด้วยคำที่ดูชั่วร้ายอย่าง “The Night Creature” จากฉบับคิงเจมส์, “The Night Bird” ในฉบับ Standard English แต่ฉบับ International Standard Version เป็นเพียงฉบับเดียวที่ใช้คำว่า “Lilith” อย่างชัดเจน ซึ่งก็คงออกมาเนื่องจากมีการแปลต้นฉบับฮิบรูใหม่โดยแก้ไข “ความเข้าใจผิด” ในการแปลชื่อของลิลิธจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นไป (จ้ะ)
The Miriam and Ira D. Wallach Division of Art, Prints and Photographs: Picture Collection
ส่วนที่เป็นเนื้อหาช่วยขยี้ความร้อนสวาทและชั่วร้ายของลิลิธมาจากคัมภีร์ทัลมุด หลายส่วนที่แสดงเนื้อหาว่าเธอถูกสร้างมาแบบเดียวกับอดัม ไม่เหมือนอีฟที่เอาซี่โครงของอดัมไปสร้าง นิสัยของลิลิธคือการแสดงตัว “ทัดเทียมกับอดัม” ไม่ยอมศิโรราบต่อสามี ไม่พอยังดื้อดึงแบบไม่สนอะไรและหนีจากอดัมเป็นเดือดเป็นร้อนให้พระเจ้าปวดหัว ฟังแบบนี้ดูยังไงก็เยอะ แต่ยังไม่จบเมื่อลงท้ายแล้วลิลิธถูกสาปให้กลายเป็นพระมารดาแห่งเหล่าปีศาจไป ลูกของเธอกี่คนๆ เกิดขึ้นมาก็จะกลายเป็นผีที่จะคอยไปทำร้ายผู้คนในยามค่ำคืน เป็นการลงโทษต่อความ “ดื้อ” ของเธอ

Dante Gabriel Rossetti, Public domain, via Wikimedia Commons
อิทธิพลที่สร้างภาพชั่วๆ ของแนวคิดนี้ก็มาจาก Ben Sira อาลักษณ์ชาวยิวที่มีอายุเมื่อราว200ปีก่อนคริสตกาล ในการอธิบายขยี้เกี่ยวกับเหตุเพิ่มเติมในคัมภีร์อีกว่า “ชีไม่ยอมอยู่ล่างแต่อยากอยู่บนเวลาร่วมเพศ” อห. เผ็ชดีไหมคะคุณ กับสมัยนี้คงมองธรรมดา แต่กับสังคมที่สอนให้ร่วมเพศท่ามิชชันนารีดีและไม่บาป ความจุกจิกนี้มีอิทธิพลทางความเชื่อและมุมมองของคนต่อเพศไม่ไกลเกินไปที่มองว่าเป็นเรื่องชั่วร้ายค่ะ
ชะตากรรมคุ้นๆ เนอะ การที่ถูกเบียดบังออกไปจากบริบททางสังคมและตีตราว่าเป็นสิ่งมีชีวิตยามค่ำคืนไปจนถึงสัตว์ร้าย (แม้บางฉบับจะแปลชื่อเธอด้วยคำว่า Night owl ที่ดูน่ารักก็ตาม) สตอรี่นี้ก็ทำให้นักสตรีนิยมถูกใจใช่เลยว่าในการเรียกร้องให้สังคมมีการตีความบทบาทสตรีกันเสียใหม่ ให้มองผู้หญิงในความทัดเทียมทางจริยธรรมและกฏหมาย ไม่เพียงมองว่าผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำทรามและควรได้รับการเลี้ยงดูให้อยู่ในทำนองคลองธรรมด้วยอิทธิพลของผู้ชาย ประเด็นเรื่องราวของ Lilith นี่แหละที่จะเป็นตัวอย่างและสัญญะ (Symbolic Figure) ที่ให้ภาพชัดเจนมากกว่าสิ่งใดในซีกโลกตะวันตก ตัวแม่ในแนวคิดสตรีนิยมคนนึงอย่าง Judith Plaskow ที่เป็นสาวยิวคนแรกที่เริ่มรณรงค์เรื่องสิทธิ ไม่รอช้าที่จะหยิบประเด็นการแปลที่คลาดเคลื่อนและความหมายที่เปลี่ยนไปของลิลิธมาเป็นส่วนในการเคลื่อนไหว
กล่าวได้ว่าจากที่ลิลิธเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเลวร้ายที่อาศัยความมืดเล่นงานคน กลายเป็นรุ่งอรุณในการเริ่มกระตุ้นการตีความเรื่องเพศใหม่ในระยะคลื่นลูกแรกของแนวคิดสตรีนิยมที่เคลื่อนไหวเพื่อการเมืองและสังคม
Featured Image : Lilith ฝีมือ John Collier (ค.ศ.1892) wikicommon CC0

อ้างอิง
https://www.bible.com/th/bible/174/ISA.34.THSV11
https://biblehub.com/isaiah/34-14.htm
https://jwa.org/encyclopedia/article/lilith
https://jwa.org/encyclopedia/article/plaskow-judith
