พันท้ายนรสิงห์มีจริงหรือไม่? กับที่มาและสาเหตุของการขุดคลองโคกขามสมัยพระเจ้าเสือ

ตำนานแห่งความเสียสละเพื่อธำรงไว้ซึ่งนิติรัฐ ตัวอย่างการให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์เหนือสิ่งอื่นใดแม้แต่ชีวิต เรื่องราวของ “พันท้ายนรสิงห์” อาจเป็นสิ่งที่คนไทยหลายคนนึกถึง ทว่าที่มาที่ไปรวมถึงเอกสารที่กล่าวถึงพันท้ายนรสิงห์กับดูจะยากพิสูจน์ชี้ชัด นี่คือสาเหตุของคำถามว่า “พันท้ายนรสิงห์มีตัวตนจริงหรือแค่นิทาน?

จากการออกอากาศตอนที่ 3 ของละคร “พรหมลิขิต” ภาคต่อของบุพเพสันนิวาส ได้มีการเอาข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์ที่ยากจะพิสูจน์อย่างเรื่องของพันท้ายนรสิงห์ ข้าราชการตำแหน่งพันท้ายเรือพระที่นั่งในสมัยของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือสมเด็จพระเจ้าสุริเยนทราธิบดี ผู้มีสมญานามว่า “พระเจ้าเสือ“ โดยได้ชี้ประเด็นสำคัญที่ทำให้เกิดแนวคิดเรื่องตำนานพันท้ายนรสิงห์เป็นเรื่องจริงหรือไม่? โดยเล่าผ่านตัวละครยายกุยกับบ่าวไพร่ชาวอยุธยาที่บอกว่า “ไม่รู้จักพันท้ายนรสิงห์” แม้ว่าจะรู้จักการขุดคลองโคกขามกันเป็นอย่างดี

โฆษณา

พันท้ายนรสิงห์คือใคร?

พันท้ายนรสิงห์พิจารณาจากชื่อแล้วคงไม่พ้นเป็นข้าราชการที่มีตำแหน่ง “พันท้ายเรือ” คือเป็นคนถือท้ายเรือ มีศักดินา 100 ไร่ เป็นตำแหน่งคู่ตำแหน่งคัดหัวเรืออีกคน มีปรากฏตำแหน่งนี้ในพระอัยการตำแหน่งนาพลเรือนสมัยอยุธยาตอนต้น ซึ่งเป็นกฎหมายตราขึ้นในสมัยอาณาจักรอยุธยา

จากตำนานเล่าเหมือนกันตรงจุดที่ว่าพันท้ายนรสิงห์เป็นพันท้ายเรือพระที่นั่งเอกชัยที่สมเด็จพระเจ้าเสือทรงเรือพระที่นั่งฯ ​ไปประพาสทรงเบ็ด ณ เมืองสาครบุรี ในปีพ.ศ. 2247 โดยผ่านทางคลองโคกขามซึ่งมีความคดเคี้ยวมาก ขณะเรือพระที่นั่งแล่นเข้าโค้งหนึ่งในตำบลโคกขาม พันท้ายนรสิงห์เกิดคัดท้ายเรือไม่ทัน หัวเรือจึงไปกระแทกกิ่งไม้ใหญ่จนเกิดหักเสียหาย

ตามกฎพระอัยการนั้นถือว่าต้องโทษถึงประหาร พันท้ายนรสิงห์จึงโดดขึ้นฝั่งไปนั่งแล้วกราบทูลว่าให้ทรงประหารเสียตามกฎ แล้วขอให้สร้างศาลเพียงตาและให้นำหัวเรือกับศีรษะของพันท้ายนรสิงห์ขึ้นบวงสรวงในศาล ณ ที่แห่งนี้ สมเด็จพระเจ้าเสือมิได้ประสงค์จะตัดหัวตามโบราณราชประเพณี แต่พันท้ายนรสิงห์ยืนกราน พระองค์จึงได้ทรงโปรดให้สร้างหุ่นดินขึ้นแล้วทำการตัดศีรษะหุ่นนั้นแทนเพื่อให้เป็นไปตามพระราชประเพณี กระนั้นพันท้ายนรสิงห์ยิ่งเกิดความละอายใจจนต้องทูลขอโทษตายอีกครั้งจนสมเด็จพระเจ้าเสือต้องยอมให้มีการประหารชีวิตในที่สุด

ละครเรื่อง “พันท้ายนรสิงห์” ออกอากาศทางช่องเวิร์คพอยท์ พ.ศ.2559 (ที่มา : www.workpoint.co.th)

ความพิศวงของบันทึกประวัติศาสตร์เรื่องนี้คือตำนานของพันท้ายนรสิงห์ที่ดูเป็นนิทานนั้นปรากฏอยู่ในพงศาวดาร แต่ไม่ปรากฏในเอกสารประเภทคำให้การ โดยพงศาวดารที่บันทึกก็ล้วนแต่เป็นพระราชพงศาวดารกรุงเก่าที่มีการชำระเขียนขึ้นในสมัยหลังอยุธยา นั่นคือช่วงรัตนโกสินทร์ ส่วนพงศาวดารที่ระบุได้ว่าเขียนขึ้นร่วมสมัยอยุธยาก็ไม่ได้มีการเขียนถึงตำนานนี้แต่อย่างใด

สำหรับพงศาวดารที่มีการกล่าวถึงพันท้ายนรสิงห์มาจากพงศาวดารฉบับบริติชมิวเซียมและฉบับหมอบรัดเลที่อาศัยเนื้อความจากฉบับบริติชมิวเซียมมาเป็นหลักในการเขียน โดยแต่ละฉบับบรรยายตำนานนี้เอาไว้ดังนี้

พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับบริติชมิวเซียม

                ลุศักราชได้ 1066 ปีวอก ฉศก ขณะนั้นสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินเสด็จด้วยเรือพระที่นั่งเอกชัย จะไปประพาสทรงเบ็ด ณ ปากน้ำเมืองสาครบุรี ครั้นเรือพระที่นั่งไปถึงตำบลโคกขามและคลองที่นั้นคดเคี้ยวนัก และพันท้ายนรสิงห์ซึ่งถือท้ายเรือพระที่นั่งคัดแก้ไขมิทันที และศีรษะเรือพระที่นั่งนั้นโดนกระทบกิ่งไม้อันใหญ่เข้าก็หักลงในน้ำ พันท้ายนรสิงห์เห็นดังนั้นก็ตกใจจึ่งโดดขึ้นเสียจากเรือพระที่นั่ง และขึ้นอยู่บนฝั่งแล้วร้องกราบทูลพระกรุณาว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท (ปก) เกล้า พระราชอาญาเป็นล้นเกล้า ขอจงทรงพระกรุณาโปรดให้ทำศาลขึ้นที่นี้สูงประมาณเพียงตา แล้วจงตัดเอาศีรษะข้าพระพุทธเจ้ากับศีรษะเรือพระที่นั่งซึ่งหักตกน้ำลงไปนั้นขึ้นบวงสรวงไว้ด้วยกันที่นี้ ตามพระราชกำหนดในบทพระอัยการเถิด จึ่งมีพระราชโองการตรัสว่าไอ้พันท้าย ซึ่งโทษเอ็งนั้นถึงตายก็ชอบอยู่แล้ว แต่ทว่าบัดนี้กูจะยกโทษเสีย ไม่เอาโทษเอ็งแล้ว เอ็งจงคืนมาลงเรือไปด้วยกูเถิด ซึ่งศีรษะเรือที่หักนั้นกูจะทำต่อเอาใหม่แล้วเอ็งอย่าวิตกเลย พันท้ายนรสิงห์จึ่งกราบทูลว่า ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดมิได้เอาโทษข้าพระพุทธเจ้านั้น พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ แต่ทว่าจะเสียขนบธรรมเนียมในพระราชกำหนดกฎหมายไป และซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะมาละพระราชกำหนดสำหรับแผ่นดินเสียดังนี้ ดูมิควรยิ่งนัก นานไปภายหน้าเห็นว่าคนทั้งปวงจะล่วงครหาติเตียนดูหมิ่นได้ และพระเจ้าอยู่หัวอย่าทรงพระอาลัยแก่ข้าพระพุทธเจ้าผู้ถึงแก่มรณโทษเลย จงทรงอาลัยถึงพระราชประเพณี อย่าให้เสียขนบธรรมเนียมไปนั้นดีกว่า อันพระราชกำหนดมีมาแต่บุราณนั้นว่า ถ้าและพันท้ายผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่ง ให้เรือพระที่นั่งนั้นหัก ท่านว่าพันท้ายผู้นั้นถึงมรณโทษ ให้ตัดศีรษะเสียและพระเจ้าอยู่หัวจงทรงพระกรุณาโปรดให้ตัดศีรษะข้าพระพุทธเจ้าเสียตามโบราณราชกำหนดนั้นเถิด จึ่งมีพระราชดำรัสสั่งให้ฝีพายทั้งปวงปั้นมูลดินเป็นรูปพันท้ายนรสิงห์ขึ้น แล้วก็ให้ตัดศีรษะรูปดินนั้นเสีย แล้วดำรัสว่าไอ้พันท้าย ซึ่งโทษเอ็งถึงตายนั้นกูจะประหารชีวิตเอ็งเสีย พอเป็นเหตุแทนตัวแล้วเอ็งอย่าตายเลย จงกลับมาลงเรือไปด้วยกับกูเถิด พันท้ายนรสิงห์เห็นดังนั้นก็มีความละอายนัก ด้วยกลัวว่าจะเสียพระราชกำหนดโดยธรรมเนียมโบราณไป เกรงคนทั้งปวงจะครหาติเตียนดูหมิ่นในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งตนได้ สู้เสียสละของตัวมิได้อาลัย จึ่งกราบทูลไปว่าขอพระราชทานซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าข้าพระพุทธเจ้าทั้งนี้ พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ แต่ทว่าซึ่งตัดศีรษะรูปดินแทนตัวข้าพระพุทธเจ้าดังนี้ ดูเป็นทำเล่นไป คนทั้งหลายจะล่วงครหาติเตียนได้ ขอพระองค์จงทรงพระกรุณาโปรดตัดศีรษะข้าพระพุทธเจ้าเสียโดยฉันจริงเถิด อย่าให้เสียขนบธรรมเนียมในพระราชกำหนดไปเลย ข้าพระพุทธเจ้าจะขอกราบทูลฝากบุตรภรรยาแล้ว ก็จะกราบถวายบังคมลาตายไปโดยลักษณยถาโทษอันกราบทูลไว้นั้น

                สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินตรัสได้ทรงฟังดังนั้น ก็ดำรัสวิงวอนไปเป็นหลายครั้ง พันท้ายนรสิงห็ก็มิยอมอยู่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระมหาการุญภาพแก่พันท้ายนรสิงห์เป็นอันมากจนกลั้นน้ำพระเนตรนั้นไว้มิได้ จำเป็นจำทำตามพระราชกำหนด จึ่งดำรัสสั่งนายเพชฌฆาตให้ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์เสีย แล้วให้ทำศาลสูงเพียงตา และให้เอาศีรษะพันท้ายนรสิงห์กับศีรษะเรือพระที่นั่งซึ่งหักนั้น ขึ้นพลีกรรมไว้ด้วยกันบนศาลนั้น แล้วให้ออกเรือพระที่นั่งไปประพาสทรงเบ็ด ณ ปากน้ำเมืองสาครบุรี แล้วเสด็จกลับยังพระมหานคร และศาลเทพารักษ์ที่ตำบลโคกขามนั้นก็มีปรากฏมาตราบเท่าทุกวันนี้

                จึ่งพระบาทบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระราชดำริว่า ณ คลองโคกขามนั้นคดเคี้ยวนัก คนทั้งปวงจะเดินเรือเข้าออกก็ยาก ต้องอ้อมวงไปไกลกันดารนัก ควรเราจะให้ขุดลัดตัดเสียให้ตรงจึงจะชอบ อนึ่งพันท้ายนรสิงห์ซึ่งตายเสียนั้นเป็นคนซื่อสัตย์มั่นคงนัก สู้เสียชีวิตมิได้อาลัย กลัวว่าเราจะเสียพระราชประเพณีไป เรามีความเสียดายนัก ด้วยเป็นข้าหลวงเดิมมาแต่ก่อน อันจะหาผู้ซศึ่งรักใคร่ ซื่อตรงต่อเจ้า เหมือนพันท้ายนรสิงห์นี้ยากนัก แล้วดำรัสให้เอากเฬวรพันท้ายนรสิงห์นั้น มาแต่งการฌาปนกิจพระราชทานเพลิง และบุตรภรรยานั้นก็พระราชทานเงินทอง สิ่งของเป็นอันมาก แล้วมีพระราชโองการตรัสสั่งสมุหนายกให้กะเกณฑ์เลกหัวเมืองให้ได้ 30,000 ไปขุดคลองโคกขาม และให้ขุดลัดตัดให้ตรงตลอดไป โดยลึก 6 ศอก ปากคลองกว้าง 8 วา พื้นคลองกว้าง 5 วา และให้พระราชสงครามเป็นแม่กอง คุมพลหัวเมืองทั้งปวงขุดคลองจนแล้วสำเร็จดุจพระราชกำหนด

—พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับบริติชมิวเซียม

พระราชพงศาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล)

                ๏ ลุศักราช ๑๐๖๖ ปีวอก ฉอศก ขณะนั้นสมเดจพระเจ้าแผ่นดิน เสดจด้วยเรือพระที่นั่งเอกไชย จะไปประภาศทรงเบ็ดณปากน้ำเมืองสาครบุรี ครั้นเรือพระที่นั่งไปถึงตำบลโคกขาม แลคลองที่นั่นคดเคี้ยวนัก แลพันท้ายนรสิงห์ซึ่งถือท้ายเรือพระที่นั่ง คัดแก้ไขมิทันที และศีศะเรือพระที่นั่งนั้นโขนกระทบกิ่งไม้อันใหญ่เข้า ก็หักตกลงในน้ำ พันท้ายนรสิงห์เหนดังนั้นก็ตกใจ จึ่งโดดขึ้นเสียจากเรือพระที่นั่ง แลขึ้นอยู่บลฝั่ง แล้วร้องกราบทูลพระกรุณาว่า ขอเดชฝ่าลอองธุลีพระบาทปกเกล้า พระราชอาญาเปนล้นเกล้า ขอจงทรงพระกรุณาโปรดให้ทำศาลขึ้นที่นี้สูงประมาณเพียงตา แล้วจงตัดเอาศีศะข้าพระพุทธเจ้า กับศีศะเรือพระที่นั่งซึ่งหักตกน้ำลงไปนั้น ขึ้นบวงสวงไว้ด้วยกันที่นี้ ตามพระราชกำหนดใน​บทพระอัยการเถิด จึ่งมีพระราชโองการตรัสว่า อ้ายพันท้ายนรสิงห์ ซึ่งโทษเองถึงตายนั้นก็ชอบอยู่แล้ว แต่ทว่าบัดนี้กูจะยกโทษเสีย ไม่เอาโทษเองแล้ว เองจงคืนมาลงเรือไปด้วยกูเถิด ซึ่งศีศะเรือที่หักนั้น กูจะทำต่อเอาใหม่แล้ว เองอย่าวิตกเลย พันท้ายนรสิงห์จึ่งกราบทูลว่า ซึ่งทรงพระกรุณาโปรด มิได้เอาโทษข้าพระพุทธเจ้านั้น พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ แต่ทว่าจะเสียขนบธรรมเนียมในพระราชกำหนดกฎหมายไป แลซึ่งสมเดจพระเจ้าอยู่หัวจะมาละพระราชกำหนดสำหรับแผ่นดินเสียดังนี้ ดูมิบังควรยิ่งนัก นานไปภายน่าเหนว่าคนทั้งปวงจะล่วงคระหาติเตียนดูหมิ่นได้ แลพระเจ้าอยู่หัวอย่าทรงพระอาไลยแก่ข้าพระพุทธเจ้า ผู้ถึงแก่มรณโทษนี้เลย จงทรงพระอาไลยถึงพระราชประเพณี อย่าให้เสียขนบธรรมเนียมไปนั้นดีกว่า อันพระราชกำหนดมีมาแต่โบราณนั้นว่า ถ้าแลพันท้ายผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่ง ให้ศีศะเรือพระที่นั่งนั้นหัก ท่านว่าพันท้ายผู้นั้นถึงมรณโทษให้ตัดศีศะเสีย แลพระเจ้าอยู่หัวจงทรงพระกรุณาโปรดให้ตัดศีศะข้าพระพุทธเจ้าเสีย ตามโบราณราชกำหนดนั้นเถิด จึ่งมีพระราชดำรัศสั่งให้ฝีภายทั้งปวง ปั้นมูลดินเปนรูปพันท้ายนรสิงห์ขึ้นแล้ว ก็ให้ตัดศีศะรูปดินนั้นเสีย แล้วดำรัศว่า อ้ายพันท้ายนรสิงห์ ซึ่งโทษเองถึงตายแล้วนั้น กูจะประหารชีวิตรเองเสียภอเปนเหตุแทนตัวเองแล้ว เองอย่าตายเลย จงกลับมาลงเรือไปด้วยกันกับกูเถิด พันท้ายนรสิงห์เหนดังนั้น ก็มีความละอายนัก ด้วยกลัวว่าจะเสียพระราชกำหนดโดยขนบธรรมเนียมโบราณไป เกรงคนทั้งปวงจะคระหาติเตียนดูหมิ่นในสมเดจพระเจ้าอยู่หัวแห่งตนได้ สู้เสียสละชีวิตรของตนมิได้อาไลย จึ่งกราบทูลว่า ขอพระราชทานซึ่งทรงพระกรุณาโปรดข้าพระพุทธเจ้าครั้งนี้ พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ แต่ทว่าซึ่งตัดศีศะรูปดินแทนตัวข้าพระพุทธเจ้าดังนี้ ดูเปนทำเล่นไป คน​ทั้งหลายจะล่วงคระหาติเตียนได้ ขอพระองค์จงทรงพระกรุณาโปรด ตัดศีศะข้าพระพุทธเจ้าโดยฉันจริงเถิด อย่าให้เสียขนบธรรมเนียมในพระราชกำหนดไปเลย ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบทูลฝากบุตรภรรยา แล้วก็จะกราบถวายบังคมลาตายไปโดยลักขณยถาโทษอันกราบทูลไว้นั้น ๚ะ

                ๏ สมเดจพระเจ้าแผ่นดินตรัสได้ทรงฟังดังนั้น ก็ดำรัศวิงวอนไปเปนหลายครั้ง พันท้ายนรสิงห์ก็มิยอมอยู่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระมหาการุญภาพแก่พันท้ายนรสิงห์เปนอันมาก จนกลั้นน้ำพระเนตรนั้นไว้มิได้ จำเปนจำทำตามพระราชกำหนด จึ่งดำรัศสั่งนายเพชฌฆาฎให้ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์เสีย แล้วให้ทำศาลขึ้นสูงประมาณเพียงตา แลให้เอาศีศะพันท้ายนรสิงห์กับศีศะเรือพระที่นั่งซึ่งหักนั้น ขึ้นพลีกรรมไว้ด้วยกันบนศาลนั้น แล้วให้ออกเรือพระที่นั่งไปประภาษทรงเบ็ด ณปากน้ำเมืองสาครบุรี แล้วเสดจกลับยังพระมหานคร แล้วสาลเทพารักที่ตำบลโคกขามนั้น ก็มีปรากฏมาตราบเท่าทุกวันนี้ ๚ะ

                ๏ จึ่งพระบาทบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระราชดำริห์ว่า ณะคลองโคกขามนั้นคดเคี้ยวนัก คนทั้งปวงจะเดิรเรือเข้าออกก็ยาก ต้องอ้อมวงไปไกลกันดารนัก ควรเราจะให้ขุดลัดตัดเสียให้ตรงจึ่งจะชอบ อนึ่งพันท้ายนรสิงห์ซึ่งตายเสียนั้น เปนคนสัจซื่อมั่นคงนัก สู้เสียสละชีวิตรมิได้อาไลย กลัวว่าเราจะเสียพระราชประเพณีไป เรามีความเสียดายนัก ด้วยเปนข้าหลวงเดิมมาแต่ก่อน อันจะหาผู้ซึ่งรักใคร่ซื่อตรงต่อเจ้าเหมือนพันท้ายนรสิงห์นี้ยากนัก แล้วดำรัศให้เอากะเฬวระพันท้ายนรสิงห์นั้น มาแต่งการฌาปณกิจพระราชทานเพลิง แลบุตรภรรยานั้นพระราชทานเงินทองสิ่งของเปนอันมาก แล้วมีพระราชโองการตรัสสั่งสมุหนายกให้กะเกนเลขหัวเมืองให้ได้สามหมื่นไปขุดคลองโคกขาม แล​ให้ขุดลัดตัดให้ตรงตลอดไป โดยฦกหกศอก ปากคลองกว้างแปดวา พื้นคลองกว้างห้าวา แลให้พระราชสงครามเปนแม่กอง คุมพลหัวเมืองทั้งปวง ขุดคลองจงแล้วสำเร็จดุจพระราชกำหนด แล้วมีพระราชดำรัศแก่ท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลายว่า แต่ครั้งศักราช ๘๖๐ ปีมเมียสำฤทธิศก ครั้งแผ่นดินสมเดจพระรามาธิบดีนั้นได้ขุดคลองสำโรงตำบลหนึ่ง ๚ะ

พระราชพงศาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล)

พงศาวดารอีกเล่มที่กล่าวถึงเหตุการณ์พันท้ายนรสิงห์ด้วยฝีมือของคนไทยคือพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา มีการนำต้นฉบับสมุดไทยมาชำระโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ชำระและจัดพิมพ์เผยแพร่ เนื้อหายึดเอาตามอย่าง 2 ฉบับที่กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้

โฆษณา

ช่วงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้แต่งหนังสือโคลงภาพพระราชพงศาวดาร โดยมีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงประพันธ์ ตอน พันท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต เป็นการนำเอาตำนานวีรกรรมของพันท้ายนรสิงห์มาผลิตซ้ำในสื่ออีกคราวหนึ่ง

ด้วยความที่ตำนานซึ่งดูเป็นนิทานแบบนี้กลับปรากฏในพงศาวดารที่ควรเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์อย่างหลวง มีข้อสันนิษฐานถึงวัตถุประสงค์ว่าอาจเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ดังที่อ.สุเนตร ชุตินธรานนท์เคยให้ความเห็นว่าการสร้างเรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์เป็นการใช้ตัวละครพันท้ายนรสิงห์เป็นคนวิจารณ์พระเจ้าเสือว่าไม่ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมกฎหมาย ในขณะที่ราษฎรกลับเป็นฝ่ายมั่นคงในหลักนิติธรรมมากกว่า ทั้งเจ้านายในช่วงต้นรัตนโกสินทร์มักโปรดให้ชำระเขียนพงศาวดารช่วงราชวงศ์บ้านพลูหลวงในลักษณะส่อไปทางให้ร้าย เพื่อแสดงเหตุผลของการเสียกรุงศรีอยุธยาว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะกษัตริย์ขาดนิติธรรม หย่อนยานทางศีลธรรม ดังที่เห็นได้จากการบันทึกถึงพฤติกรรมด้านลบของสมเด็จพระเจ้าเสือในความก่อนหน้าเรื่องตำนานพันท้ายนรสิงห์ด้วย

นอกจากเหตุผลที่แล้ว การพยายามเขียนตำนานเพื่ออธิบายต้นสายปลายเหตุของเหตุการณ์และตำนานท้องถิ่นที่เกี่ยวกับสถานที่ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการแต่งตำนานเพื่ออธิบายความสำคัญของการขุดคลองก็ได้ แม้ประเด็นเหตุผลของการขุดปรับปรุงคลองนี้ไม่ให้คดเคี้ยวและตื้นเขินนี้ ก็เพื่อประโยชน์ต่อการค้าทั้งภายในและภายนอก เพราะใช้เป็นทางออกไปสู่ย่านบริเวณปากน้ำสาครบุรี การขุดคูคลองก็ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น ดูเป็นเหตุผลที่จับต้องได้มากกว่าการตายของข้าราชการผู้น้อยเพียงคนหนึ่งเสียด้วยซ้ำ

หลักฐานทางประวัติศาสตร์เพียงพูดถึงตัวเอกอย่างพันท้ายนรสิงห์เท่านั้น โดยชี้ไปที่วาระสุดท้ายโดยไม่ได้ให้ข้อมูลแวดล้อมของชีวิตพันท้าย แล้วข้อมูลพื้นเพไปจนถึงครอบครัวของพันท้ายนรสิงห์มาจากที่ใด เมื่อลองค้นดูจึงพบว่าสร้างขึ้นโดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล หรือพระองค์ชายใหญ่ เมื่อครั้งนำเรื่องดังกล่าวมาสร้างเป็นภาพยนตร์ เมื่อ พ.ศ.2493 มีการเสริมตัวละครภรรยาคือ ‘นวล’ มาเพื่อให้มีความโรแมนติกเสริมเพื่อรสชาติความบันเทิง

ตำนานของพันท้ายนรสิงห์สื่อถึงความเสียสละและการรักษากฎหมายเหนือชีวิต เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์มีสถานที่ที่เกี่ยวพันอยู่ 2-3 แห่ง นั้นคือ วัดโคกขาม, ศาลพันท้ายนรสิงห์ และอุทยานประวัติศาสตร์พันท้ายนรสิงห์ แต่ละแห่งอ้างถึงความสัมพันธ์กับตำนานคนละรูปแบบ ศาลพันท้ายนรสิงห์นั้นเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ตามคำสั่งเสียที่ได้ขอให้มีการตั้งศาลเพียงตาขึ้นบริเวณดังกล่าว

สุจิตต์ วงษ์เทศได้อ้างคำบอกเล่าของขรรค์ชัย บุนปาน เกี่ยวกับศาลพันท้ายนรสิงห์ว่า “ศาลพันท้ายนรสิงห์เท่าที่ทราบอย่างน้อยมี 3 แห่ง ที่นี่แห่งหนึ่ง วัดพันท้ายนรสิงห์แห่งหนึ่ง แล้วที่ศาลพันท้ายนรสิงห์ใกล้ทะเลอีกแห่งหนึ่ง ตรงนี้คือปากคลองโคกขาม ซึ่งเชื่อตามพงศาวดารว่าเป็นที่ตั้งศาลพันท้ายนรสิงห์ ซึ่งพระเจ้าเสือโปรดให้สร้างไว้เป็นศาลเพียงตา คุณขรรค์ชัยเล่าให้ผมฟังว่า ศาลตรงนี้พระองค์ชายใหญ่ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ที่ทรงทำหนังเรื่องพันท้ายนรสิงห์ มาสร้างไว้เมื่อปี 2493 ซึ่งอาจหมายถึง 1.สร้างใหม่เลย 2.บูรณะของเก่า

อีกจุดที่อ้างว่าเป็นที่ประหารพันท้ายนรสิงห์คือบริเวณวัดโคกขามซึ่งมีโบสถ์มหาอุด เป็นสถาปัตยกรรมแบบอยุธยา และพระพุทธรูปสำริด รูปแบบศิลปกรรม เป็นแบบพระพุทธสิหิงค์ มีจารึกบอกปีที่สร้างคือ พ.ศ.2232 ตรงกับสมัยแผ่นดินพระเพทราชา พระราชบิดาของพระเจ้าเสือ ช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกับที่กล่าวว่าตำนานนี้เกิดขึ้น

กล่าวโดยสรุปได้ว่าตำนานเรื่องพันท้ายนรสิงห์นี้ปรากฏอยู่ในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ประเภทพงศาวดารที่มีการชำระขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์อย่างพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับบริติชมิวเซียม,พระราชพงศาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล) และพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา โดยไม่ได้มีการบันทึกถึงในพงศาวดารที่เขียนร่วมสมัยอยุธยา ก่อนที่จะมีการหยิบยกเอาตำนานพันท้ายนรสิงห์มาประพันธ์ไว้ในหนังสือโคลงภาพพระราชพงศาวดาร สมัยรัชกาลที่ 5

พื้นหลังและครอบครัวของพันท้ายนรสิงห์นั้นเป็นผลิตผลที่สร้างขึ้นในสมัยที่ใหม่กว่า นั่นคือถูกเสริมแต่งขึ้นในช่วงพ.ศ.2493 ที่มีการประพันธ์บทละครและสร้างภาพยนตร์ชื่อเดียวกัน เป็นการสร้างเรื่องราวให้มีความโรแมนติกยิ่งขึ้นจากต้นฉบับดั้งเดิมที่ไม่ได้ให้ภาพจำที่ชัดเจนนัก นับแต่นั้นเป็นต้นมาเรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ที่เห็นได้ในสื่อจึงเป็นไปในทางเดียวกับที่ปรากฏในภาพยนตร์แบบนั้นเอง

ดังนั้นยายกุยในละครพรหมลิขิตที่เป็นคนอยุธยาแท้ๆ แต่อดีตนั้นจะบอกว่า “ไม่รู้จักพันท้ายนรสิงห์” ก็ไม่แปลก แต่หากบอกว่ารู้จักพันท้ายนรสิงห์ที่มีเมียชื่อนางนวลล่ะก็…เกรงว่าแม้แต่ยายกุยก็ยังข้ามภพมาจากกรุงเทพฯ ด้วยอีกคนเป็นแน่

โฆษณา

Featred Image : พระเจ้าเสือกับพันท้ายนรสิงห์จากละครเรื่อง “พันท้ายนรสิงห์” ออกอากาศทางช่องเวิร์คพอยท์ พ.ศ.2559 (ที่มา : www.workpoint.co.th)

References :

  • กำพล จำปาพันธ์.(25 ตุลาคม พ.ศ.2566).ศรีปราชญ์-พันท้ายนรสิงห์ ขุนนางคนโปรด “พระเจ้าเสือ” กับโทษประหารชีวิตแบบกรุงศรีฯ.ศิลปวัฒนธรรมออนไลน์.https://www.silpa-mag.com/history/article_17878
  • จันทนุมาศ (เจิม), พัน (2479). ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 64 พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม). โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร.
  • ดำรงราชานุภาพ,กรมพระยา.(ม.ป.ป.).พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา.โอเดี้ยนสโตร์.
  • ประชุมพงศาวดารภาคที่ 82 เรื่องพระราชพงศาวดารกรุงสยามจากต้นฉบับของบริติชมิวเซียมกรุงลอนดอน. กรุงเทพฯ : พิมพ์ครั้งที่ 2, กรมศิลปากร, 2537
  • ประยุทธ สิทธิพันธ์.(2551).ศาลไทยในอดีต.ห้องสมุดดิจิทัลวัชรญาณ.https://vajirayana.org/ศาลไทยในอดีต
  • พระราชพงศาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล). (2406). ห้องสมุดดิจิทัลวัชรญาณhttps://vajirayana.org/พระราชพงษาวดารกรุงเก่า-ฉบับหมอบรัดเล.
  • พรรณราย เรือนอินทร์.(6 มกราคม 2564).‘พันท้ายนรสิงห์’ที่เพิ่งสร้าง ขรรค์ชัย-สุจิตต์ ทอดน่องคลองโคกขาม เปิดพงศาวดาร เล่า ‘นิทานการเมือง’.มติชนออนไลน์.https://www.matichon.co.th/uncategorized/news_2515187