พระเพทราชาครองราชย์ในช่วงพ.ศ.2231-2246 หลังจากยุครุ่งเรืองของสมเด็จพระนารายณ์สิ้นสุดลง ตลอดรัชสมัยเต็มไปด้วยภาระในการแผ้วถางขุนนางที่ไม่ยอมรับการมีอำนาจของพระองค์ต่อบัลลังก์อยุธยา รวมถึงการทำสงครามเพื่อปราบกบฏบ่อยครั้ง
สมเด็จพระเพทราชานั้นเดิมเป็นชาวบ้านพลูหลวง เมืองสุพรรณบุรี เข้ารับราชการในสมัยสมเด็จพระนารายณ์และเป็นที่โปรดปรานขนาดทรงให้พระเพทราชานั้นดูแลกรุงศรีอยุธยาในขณะที่พระองค์เสด็จไปประทับที่เมืองลพบุรีหรืออยู่ในระหว่างพระประชวร พระองค์เป็นที่รู้จักกันในพระนามอื่นคือสมเด็จพระมหาบุรุษ,พระทรงธรรม์หรือสมเด็จพระธาดาธิเบศร์ แต่มักนิยมเรียกกันในหนังสือประวัติศาสตร์ว่าสมเด็จพระเพทราชามากกว่า
ในช่วงปลายรัชสมัยของแผ่นดินพระนารายณ์นั้นกลุ่มของพระเพทราชาและหลวงสรศักดิ์เกิดความขัดแย้งกับขุนนางฝ่ายสนับสนุนฝรั่งเศสที่นำโดยออกญาวิไชเยนทร์ (ฟอลคอน) ส่งผลให้เกิดการวางแผนรัฐประหารแผ่นดินพระนารายณ์ ทำการจับเจ้าฟ้าอภัยทศ พระอนุชาของพระนารายณ์ประหารด้วยท่อนจันทน์ รวมถึงการสังหารพระปีย์ พระราชบุตรบุญธรรมที่ฝ่ายฟอลคอนหมายจะให้เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์อยุธยา
เมื่อปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว ทรงโปรดให้หลวงสรศักดิ์เป็นอุปราชหรือกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ตำแหน่งที่จะได้สืบทอดบัลลังก์ต่อไป ในรัชสมัยของพระองค์เกิดการกบฏขึ้นหลายครั้งตลอดระยะเวลาราว 15 ปีที่ทรงครองราชย์ ด้วยความไม่ทรงโปรดฝรั่งเศสก็ทำให้ทางเจริญพระราชไมตรีต่อกันชะงักลง แต่ก็มีการพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ทั้งกับฝรั่งเศสและอังกฤษที่เคยขาดช่วงไปก่อนหน้าให้กลับมาค้าขายกันได้อย่างเดิม
สำหรับลำดับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์รัชสมัยของพระเพทราชา ปรากฏเหตุการณ์สำคัญๆ ดังนี้
พ.ศ.2231
ค.ศ.1688พระเพทราชาปราบดาภิเษกครองราชย์ หลวงสรศักดิ์ได้เป็นอุปราชหรือกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า)
ตุลาคม
18 ต.ค.หลังรบกันมา 5 เดือน ฝรั่งเศสประกาศยอมแพ้ [1]
29 ต.ค. อังกฤษจับเจ้าเมืองมะริดกับขุนนางบางคนถูกจับล่ามโซ่ที่คอและขาส่งไปยังแผ่นดินสยาม แล้วให้ส่งเจ้าเมืองที่เคยเชือดคอคนอังกฤษไปแทน
พ.ศ.2232
ค.ศ.1689กุมภาพันธ์
15 ก.พ. กองบัญชาการอังกฤษที่ป้อมเซนต์ยอร์จในอินเดียสั่งให้เรือชันโดส เรือเบนจามิน และเรือเฮอร์เบอร์ทให้จับกุมเรือพาหนะและคนในบังคับสยาม แล้วนำส่งมาที่ป้อมเซนต์ยอร์จ โดยอ้างว่าเพราะพระเจ้าแผ่นดินสยามทำความทารุณแก่อังกฤษ และทำให้อังกฤษเสียหายหลายประการ
มีนาคม
4 มี.ค. อังกฤษจับเรือของสยามชื่อลอเรตต้าเป็นเชลยที่เบงกอล อังกฤษเตรียมยึดเมืองมะริด เมืองถลาง และเตรียมทำสงครามกับสยามเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย (ข้อพิพาทกับอังกฤษทำให้อยุธยากลับมาเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศสใหม่)
พ.ศ.2233
ค.ศ.1690ราชทูตที่เดินทางไปฝรั่งเศสพร้อมลาลูแบร์ได้เดินทางกลับมาพร้อมเครื่องบรรณาการของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
แพทย์เยอรมันชื่อแกมป์เฟอร์ (Kaempfer) เดินทางมาสยามพร้อมทูตฮอลันดา
พ.ศ.2234
ค.ศ.1691สังฆราชลาโน ชาวฝรั่งเศสที่ถูกคุมขังไว้ได้รับการปล่อยตัวกลับมายังโบสถ์คริสต์ในอยุธยา
กบฏหัวเมืองนครราชสีมา และเมืองนครศรีธรรมราช
เกิดกบฏเมืองปัตตานี อยุธยายกทัพไปปราบหนแรกไม่สำเร็จ
พ.ศ.2235
ค.ศ.1692อยุธยายกทัพไปปราบกบฏเมืองปัตตานีครั้งที่ 2 ไม่สำเร็จ ปัตตานีจึงประกาศตนเป็นอิสระต่อสยาม
พ.ศ.2236
ค.ศ.1693ฮอลันดาเริ่มทำสงครามกับฝรั่งเศส
เจ้าพระยาโกษาปานได้เข้ามาช่วยเหลือเชลยศึกชาวฝรั่งเศสที่ถูกจองจำอยู่ 5 ปี
พ.ศ.2237
ค.ศ.1694กบฏธรรมเถียร [2]
ฮอลันดายึดเมืองปอนดิเชอรี่ของฝรั่งเศสในอินเดียได้ พวกฝรั่งเศสในเมืองถูกฮอลันดาจับส่งกลับยุโรป
พ.ศ.2239
ค.ศ.1696เกิดไข้ทรพิษระบาดในสยาม มีคนตายกว่า 80,000 คน ฝนแล้ง ข้าวมีราคาแพง
การปราบเมืองนครศรีธรรมราช
พ.ศ.2241
ค.ศ.1698เกิดกบฏผีบุญกว้าง เกิดขึ้นที่เมืองนครราชสีมาซึ่งเป็นหัวเมืองสำคัญ นำโดยบุญกว้างผู้มีวิชาอาคมเป็นที่นับถือของชาวบ้าน หรือที่เรียกว่า “ผีบุญ” ในแบบอีสาน
มิถุนายน
7 มิ.ย. ฝรั่งเศสได้ส่งกองเรือ 4 ลำ คือเรือแล็งเดียง เรือลา เซลังด์ เรือลาบอง และเรือคาสตรีคุมไปเมืองมะริด เรือแล็งเดียงนั้นเกิดเกยตื้น
พ.ศ.2242
ค.ศ.16991 ก.พ.พระเพทราชาได้มีพระราชสาส์นไปถึงกษัตริย์ฝรั่งเศสโดยเป็นการตอบรับพระราชสาส์นที่บาทหลวงตาชาร์ดอัญเชิญมา และบาทหลวงตาชาร์ดได้นำพระราชสาส์นกลับมาขึ้นเรือ
เจ้าประยาโกษาปานตรอมใจจนสิ้นลม
พ.ศ.2244
ค.ศ.1701ฝรั่งเศสติดทำสงครามกับสเปนจึงขาดการติดต่อกับสยามไปช่วงหนึ่ง
พ.ศ.2246
ค.ศ.1703พระเพทราชาสวรรคตหลังประชวรหนักอยู่ 15 วัน
[1] พระเพทราชาขอให้กองทหารฝรั่งเศสออกไปจากบางกอก ทำการจับกุมพ่อค้าและบาทหลวงฝรั่งเศสคือสังฆราชลาโนเป็นตัวประกันระหว่างรอราชทูตสยามจากฝรั่งเศสกลับมา สิ้นสุดการติดต่อกับฝรั่งเศสแบบสมัยฟอลคอน และใช้แบบแผนการค้าขายตามแบบเดิม จากความขัดแย้งดังกล่าวส่งผลให้ชาวคริสต์ในอยุธยาถูกทำร้ายเพราะมองว่าเป็นพวกเข้ามาทำลายสถาบันศาสนาของชาติ
[2] หัวหน้าคือธรรมเถียร ข้าเก่าของเจ้าฟ้าอภัยทศ เชื้อสายราชวงศ์ปราสาททอง ซึ่งเมื่อพระเพทราชาขึ้นครองราชย์ก็ประหารเจ้าฟ้าอภัยทศเพื่อตัดเสี้ยนหนามทางการเมือง ส่งผลให้กลุ่มราชวงศ์ปราสาททองรวมกำลังขึ้นก่อกบฏครั้งนี้โดยอ้างความชอบธรรมดังกล่าว
Featured Image : The portrait of Phra Phetracha The King of Siam (1690) by Gaspar Bouttats (sr.)

References :
- กรมพระยาดำรงราชานุภาพ.(ม.ป.ป.).พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา.โอเดี้ยนสโตร์.
- จันทนุมาศ (เจิม), พัน (2479). ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 64 พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม). โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร.
- ชาญวิทย์ เกษตรศิริ.(2548).อยุธยา : ประวัติศาสตร์และการเมือง.มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์.
- ประชุมพงศาวดารภาคที่ 82 เรื่องพระราชพงศาวดารกรุงสยามจากต้นฉบับของบริติชมิวเซียมกรุงลอนดอน. กรุงเทพฯ : พิมพ์ครั้งที่ 2, กรมศิลปากร, 2537
- พระราชพงศาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล). (2406). ห้องสมุดดิจิทัลวัชรญาณ. https://vajirayana.org/พระราชพงษาวดารกรุงเก่า-ฉบับหมอบรัดเล.
- พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ.(2547).ประวัติศาสตร์ไทย.สุขภาพใจ.
- ฟรังซัวส์ อังรี ตุรแปง.(2522).ประวัติศาสตร์ไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา ฉบับตุรแปง.กรมศิลปากร