ในยุคโบราณปรากฏเรื่องราวเกี่ยวกับการล้มราชวงศ์ล้มเมืองโดยมีเรื่องของหญิงงามเข้ามาข้องเกี่ยวไม่น้อย นับตั้งแต่มหากาพย์ทำลายล้างกรุงทรอย มาจนถึงพี่จีนลูกพี่ของบ้านเมืองเราที่ก็ดันมีเหตุให้แผ่นดินพังเพราะเจ้าเมืองหลงสาวสวย และหนึ่งในตำนานนั้นก็คือเรื่องของนางเปาซื่อ ผู้ที่เพื่อให้ได้มองเห็นนางยิ้มสักครั้งถึงกับทำเอาบ้านเมืองล่มสลายตามมาเลยทีเดียว
เรื่องของนางเปาซื่อ (褒姒) เกิดขึ้นในช่วงสมัยราชวงศ์โจวตะวันตกของจีน กษัตริย์โจวโยว (周幽王) ปกครองดินแดนโจวราว 781–771 ก่อนคริสตกาล เดิมพระเจ้าโจวโยวอยู่มีชายาอยู่นางหนึ่งและพระราชบุตร ก่อนจะรับเอาโฉมงามนางเปาซื่อเข้ามาในราชวัง และเมื่อนางเปาซื่อคลอดพระโอรส จึงทรงปลดพระชายาและรัชทายาทเดิมออก แล้วแต่งตั้งนางเปาซื่อและราชบุตรองค์ใหม่ขึ้นแทน แหม…เค้ารักของเขาจริงๆ

จนกระทั่งวันหนึ่งพระเจ้าโจวโยวหมดปัญญาจะหาทางทำให้นางหัวเราะแล้ว เลยเกิดดำริให้มีการจุดไฟสัญญาณเรียกทัพแบบหลอกๆ ที่เขาหลีซาน ทำทีว่าแคว้นถูกโจมตี แคว้นพันธมิตรกับโจวรีบกรีฑากันเข้ามาหมายจะช่วยเหลือแคว้นโจว แต่กลายเป็นว่ามาเก้อ และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อนางเปาซื่อมองเห็นสีหน้าของเหล่าแม่ทัพทหารอันขึงขังแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ สร้างความอับอายกับผู้พบเห็น แต่กลับสร้างความพึงพอใจให้กับพระเจ้าโจวโยวเฉยเลย (เอ้า!)
เจอความสุนัขรับประทานกันเป็นหมู่คณะแบบนี้ ใครเล่าจะอดทนกันได้ไหว หนต่อมาเมื่อมีกลุ่มคนที่ไม่ไหวกับการบริหารบ้านเมืองของพระเจ้าโจวโยว จึงรวมกลุ่มกันเข้าไปรุกรานโจวตะวันตกเพื่อโค่นพระเจ้าโจวโยวลง เมื่อคราวนี้มีการจุดคบไฟส่งสัญญาณไป ก็ไม่มีทัพใดดาหน้าเข้ามาช่วยกษัตริย์โจวโยวอีก และแน่นอนว่านั่นหมายถึงราชวงศ์โจวตะวันตกถูกตีแตกพ่ายพินาศราบคาบไปในครานั้น จนเกิดการสร้างอำนาจใหม่ขึ้นทางตะวันออกจนเป็นราชวงศ์โจวตะวันออกแทนในที่สุด
ว่ากันว่าเรื่องของนางเปาซื่อทำให้เกิดวลี “ชิงกั๋วชิงเฉิง (倾国倾城 : qīng guó qīng chéng)” อันหมายถึง “ล่มชาติล่มเมือง” แต่จะโทษให้เป็นความผิดของจิ๋มอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เพราะสภาพบ้านเมืองในยุคโจวตะวันออกจัดอยู่ในระยะที่เรียกว่าบอบบางและอ่อนแอมากๆ ทั้งในด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของคนในสังคม และความฟอนเฟะของราชสำนักและขุนนางผู้ใหญ่ที่มัวเมาในกามารมณ์ เพราะการที่นางเปาซื่อได้มีโอกาสเข้าไปในวังได้นั้น ก็เป็นไปด้วยประเพณีของคนในยุคดังกล่าวที่นิยมมอบทาสหญิงหรือกะเกณฑ์หญิงในดินแดนตนเองส่งเป็นของกำนัลแก่ผู้อื่น มีบันทึกถึงปัญหาเรื่องแนวๆ ทาสๆ จิ๋มๆ ปรากฏเนืองๆ ในเอกสารจีนร่วมสมัยบ้าง และที่เขียนในระยะต่อมาบ้าง
.
ตำนานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “คิดจะยิ้ม อย่าลืมมองดูว่าคนอื่นเขาสนุกด้วยหรือเปล่า”
.
.
[Featured Image from : https://epochtimes.today/dishonesty-brings-negative-consequences/%5D
References:
ไช่จั๋วจือ.(1991).100 ยอดหญิงจีน [Bai Nu Tu] (ปานชีวา บุตราช, แปล).กรุงเทพฯ: อมรินทร์ อมรินทร์พับบลิชชิ่ง. (พ.ศ.2555)
ทวีป วรดิลก.(2551).ประวัติศาสตร์จีน (พิมพ์ครั้งที่ 10).กรุงเทพฯ: สุขภาพใจ
อดุลย์ รัตนมั่นเกษม.(2548).เรื่องเพศในวัฒนธรรมจีน 4,000 ปี (พิมพ์ครั้งที่ 1).กรุงเทพฯ: สุขภาพใจ