#BRIDGERTONS : Debutante & Ballroom culture วัฒนธรรมเดบิ้วและงานเลี้ยงขุนนางยุครีเจนซี่

งานเลี้ยงถือเป็นกิจกรรมหลักในการเข้าสังคมของชนชั้นสูงในอังกฤษ ทำให้เราจะเห็นฉากงานรื่นเริงเหล่านี้เสมอๆ จากหนังหรือซีรี่ส์ที่เกี่ยวกับพวกผู้ดีอังกฤษ สำหรับยุครีเจนซี่อย่างในเรื่อง “บริดเจอตัน” ที่พอสาวๆ ผ่านการเดบิ้วแล้วก็ต้องออกงาน ก็ไม่พ้นต้องมีฉากนี้ตลอดทั้งซีซั่น 1-2 มาทำความรู้จักประเพณีงงานบอลล์ของชาวรีเจนซี่อย่างสังเขปกันเถอะ

Debutante (เดบิวตอง) คือการเสนอตัวหญิงสาวลูกขุนนางเข้าเฝ้าต่อหน้าราชสำนักและถือเป็นการเปิดตัวเข้าสู่แวดวงสังคมชั้นสูง โดยหญิงที่ถึงวัยสมรสได้แล้วจะได้เข้าเฝ้าและร่วมงานเลี้ยงเปิดตัว (Debutante ball) เป็นนัยของการประกาศว่าตัวเธอนั้นพร้อมจะมีคู่ครอง

โฆษณา

งานเดบิวตองเกิดขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยของพระเจ้าจอร์จที่ 3 กับพระราชินีชาร์ล็อตเมื่อค.ศ.1780 โดยเริ่มจากการจัดงานฉลองวันคล้ายวันประสูติของพระราชินีในเดือนพฤษภาคมเพื่อระดมทุนไปจัดสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ นับแต่นั้นมางานเลี้ยงซึ่งจัดขึ้นของพระราชินีชาร์ล็อตถือเป็นงานแรกที่เปิดฤดูสังคมของลอนดอน ก่อนจะตามมาด้วยงานเลี้ยงอีกมากมายของเหล่าขุนนางตลอดช่วง 6 เดือนของปฏิทินกิจกรรมสังคมต่างๆ ดังนั้นทุกช่วงพฤษภาคมสาวๆ ลูกคุณหนูอายุราว 17-18 ปีจะถูกแต่งด้วยชุดขาว ประดับขนนกกระจอกเทศอันเป็นเทรนด์ร่วมสมัยและตบเท้าเข้าวังไปแสดงตัวกันต่อหน้าพระราชินี

นอกจากจะเป็นพิธีการเพื่อยกระดับวัยวุฒิและมองหาเจ้าบ่าวในช่วงหน้าสังคมแล้ว การเดบิวตองก็ยังเป็นงานที่ทำให้พระราชินีมีโอกาสทอดพระเนตรและทำความรู้จักกับเด็กสาวที่จะก้าวไปเป็นส่วนหนึ่งของสังคมชั้นสูงต่อไปด้วย โอกาสดังกล่าวจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้บรรดาแม่ๆ ของพวกเธอไม่อาจพลาดได้ ประเพณีเดบิวตองจัดขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงยุคพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 (Elizabeth II) จึงมีการยุติธรรมเนียมของการเดบิ้วไปในปีค.ศ.1958

หลังการเดบิ้วกับราชวงศ์เรียบร้อยแล้ว หญิงเหล่านั้นก็จะเที่ยวไปแสดงตัวตามงานเลี้ยงต่างๆ ที่ได้รับเชิญ รวมถึงกิจกรรมสังสรรค์ตามที่ผู้ปกครองจะพาไปร่วมได้ เช่น การปิคนิค คอนเสิร์ต หรือโอเปร่า เป็นต้น งานเลี้ยงถือเป็นกิจกรรมหลักที่ผู้ดีเหล่านี้จะได้ใช้โอกาสใกล้ชิดกันผ่านการเต้นรำ ไปจนถึงบทสนทนาเกี้ยวพาเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างจังหวะดนตรี ปาร์ตี้ที่ชนชั้นสูงนิยมจัดกันอาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คืองานเลี้ยงแบบเปิด (Public Balls) และงานเลี้ยงส่วนตัว (Private Balls) โดยมีรายละเอียดและธรรมเนียมพึงปฏิบัติตามนี้

งานเลี้ยงแบบเปิด (Public Balls)

Scene from 1821 book Life in London Painting by the Cruikshanks CC0

เป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในสถานที่ชุมนุมพบปะสังสรรค์หรือพื้นที่จัดกิจกรรมรื่นเริงต่างๆ อย่างกิจกรรมยามค่ำ เช่น คอนเสิร์ต นิทรรศการ ไปจนถึงงานปาร์ตี้สวมหน้ากาก (Masquerades) ซึ่งเปิดให้ใครก็ตามที่ซื้อบัตรสามารถเข้าร่วมงานได้อย่างเสรี แต่มีบ้างเช่นกันที่การขายบัตรจำกัดอยู่ในการดูแลของผู้สนับสนุนการจัดงานดังกล่าว ทำให้งานเลี้ยงแบบเปิดนั้นๆ มีสถานะเดียวกับงานเลี้ยงส่วนตัว ในลอนดอนช่วงยุครีเจนซี่มักใช้ The Argyll Rooms หรือ Pantheon ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองการจัดกิจกรรมบันเทิงยามค่ำ สำหรับงานเลี้ยงแบบเปิดนอกลอนดอน ตามชนบทอาจจัดงานขึ้นในพื้นที่สาธารณะอย่างหอประชุมท้องถิ่น เป็นต้น

โฆษณา

งานเลี้ยงส่วนตัว (Private Balls)

เป็นงานที่จัดขึ้นโดยผู้จัดเลือกสถานที่และแขกเอง สถานที่มักเป็นบ้านของตระกูลนั้นๆ แขกจะได้รับบัตรเชิญล่วงหน้าราว 1-6 สัปดาห์แล้วแต่การบริหารจัดการ และถือว่าเฉพาะผู้ได้รับบัตรเชิญเท่านั้นที่จะเข้าร่วมได้ รายชื่อแขกในงานอ้างอิงตามสถานะและความสัมพันธ์ของผู้จัดงานเป็นหลัก ยิ่งมีคนนับหน้าถือตามากในสังคม คนในตระกูลดังกล่าวก็จะยิ่งเป็นที่ต้องการตัวและได้รับเชิญหลายครั้ง แต่หากมีคำครหาหรือการขัดแย้งกัน แน่นอนว่าตระกูลดังกล่าวก็จะพลาดโอกาสร่วมงาน ทั้งยังลดบทบาทสำคัญทางสังคมไปอย่างง่ายดาย

Highest Life in London – Tom & Jerry ‘sporting a toe’ among the
Corinthians at Almacks in the West by IR & G Cruikshank
in Tom and Jerry: Life in London by P Egan (1869 first pub 1821)

งานเลี้ยงโดยทั่วไปเริ่มงานกันประมาณ 3-4 ทุ่ม (9.00-10.00 pm) มีอาหารค่ำตอนตีหนึ่ง (1.00 am) และดำเนินไปจนถึงเช้า อาจถึงเวลา 7.00 น.ที่เสริฟอาหารเช้าต่อกันเลยทีเดียว

จุดมุ่งหมายในการมางานเลี้ยงของหนุ่มสาวโสดไม่แตกต่างกันเท่าไร เพราะสุภาพบุรุษก็มาเพื่อตามหาภรรยา ส่วนสุภาพสตรีก็พร้อมที่จะหาคู่ครอง ฤดูสังคมจึงเรียกได้ว่าเป็นช่วงหาคู่และงานเลี้ยงก็คือตลาดที่ผู้ดีต่างพาเด็กในปกครองมาขายโดยหวังว่าจะพบคู่ครองที่ดีที่สุดและเหมาะสมกันที่สุด

หญิงสาวที่ยังโสดต้องมางานเลี้ยงโดยมีผู้ปกครอง (chaperon) เสมอ มักจะเป็นญาติผู้หญิงอาวุโสอย่างมารดา ผู้ปกครองเหล่านี้จะทำหน้าที่ตรวจตราดูว่าคู่เต้นรำของพวกเธอมีความเป็นสุภาพบุรษพอ ฝ่ายหญิงต้องรอให้ฝ่ายชายเป็นผู้ขอเต้นรำเสมอ โดยก่อนจะขอเต้นรำได้นั้น สุภาพบุรุษคนดังกล่าวต้องได้รับการแนะนำอย่างเป็นทางการ ซึ่งมักเป็นหน้าที่ของผู้ปกครองในการแนะนำหรืออาจจะบอกปัดเมื่อเห็นสมควร ในงานเลี้ยงส่วนตัวผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการแนะนำสุภาพบุรุษแก่สุภาพสตรีนั้นคือเจ้าของงาน เนื่องจากสุภาพบุรุษที่มาล้วนเป็นแขกที่ได้รับเชิญ จะถือเป็นการดูหมิ่นหากเจ้าของงานปฏิเสธที่จะแนะนำพวกเขาให้กับสาวๆ

สำหรับสุภาพสตรีการไม่ตอบรับคำชวนของชายหนุ่มถือว่าไม่เหมาะสมเช่นกัน และหากคิดปฏิเสธล่ะก็… พวกเธอก็ต้องไม่ตอบรับใครอีกเลยในงาน เว้นเสียแต่ว่าเธอถูกจองตัวในการเต้นครั้งต่อๆ ไปเรียบร้อยแล้ว หากหญิงใดไม่มีคู่เต้นก็ไม่สมควรจะเต้นรำกับพี่น้องชายของตนเพราะถือว่าไม่เหมาะสมนัก ถ้าเราไม่ได้เกี้ยวพากับพี่น้องเราฉันใด เราก็ไม่เต้นรำกับพี่น้องเราฉันนั้น คู่สมรสก็ไม่ควรเต้นรำด้วยกันมากนักแต่ก็ไม่ถือเป็นข้อห้ามอะไร

The Ball Room (1813) by Thomas Rowlandson.©The Met

การเต้นรำถือเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ชายหญิงมีปฏิสัมพันธ์แบบกึ่งส่วนตัวได้โดยไม่ดูน่าเกลียด (แน่นอนว่ามีการแตะตัวกันอย่างที่ปกติจะไม่สามารถทำได้) หนำซ้ำยังเป็นมารยาทที่ควรทำด้วย ระหว่างเต้นรำทั้งสองจึงใช้เวลาในการสนทนาตลอดทั้งเพลง เมื่อลงไปในฟลอร์เต้นรำแล้วห้ามคู่เต้นออกจากฟลอร์ก่อนการสิ้นสุดของการเต้นรำ จะถือว่าเป็นการเสียมารยาท ส่วนใครก็ตามที่ยืนขึ้นช้าหลังจากการเต้นรำได้เริ่มไปแล้ว พวกเขาต้องรอที่จะร่วมเต้นรำในรอบต่อไป จะไม่สามารถเข้าร่วมระหว่างการเต้นรำดำเนินอยู่ได้ ระหว่างการเต้นรำไม่ควรมีการโห่ร้อง ตบมือ หรือสร้างเสียงรบกวน และหากการเต้นรำจบลงก็เป็นหน้าที่ของเจ้าของงานในการส่งสัญญาณบอกกับวงดนตรีเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เสียงเกินความจำเป็นที่อาจรบกวนแขก

เป็นที่รู้กันว่าหากสุภาพบุรุษคนใดเต้นรำกับสาวคนเดิมกว่าสองหนนั้นหมายถึงเขาเริ่มมีความสนใจในตัวหญิงดังกล่าวมากกว่าปกติแล้ว โดยปกติธรรมเนียมสำหรับสุภาพบุรุษนั้นคือการที่พวกเขาควรขอหญิงสาวที่ไม่มีคู่ไปเต้นรำด้วยเสมอ จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะเต้นรำกับใครหลายคน แต่การที่พวกเขาใช้เวลามากกว่าหนึ่งถึงจะพิจารณาว่าเป็นสัญญาณที่ดี

โฆษณา
Conversation about the Dance Card – Preparations for a ball , 1882 by Carl Hermann Kuechler, Public domain, via Wikimedia Commons

เซ็นชื่อบนบัตรเต้นรำหน่อย

อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้อย่างหนึ่งของหญิงสาวคือบัตรเต้นรำ (Dance card) หรือที่รู้จักกันในชื่อ carnet de bal เป็นสิ่งที่นิยมแพร่หลายในสังคมฝรั่งเศสและออสเตรียช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ก่อนอังกฤษจะนิยมตามกันมาติดๆ หน้าที่ของมันไม่ซับซ้อนคือแจ้งลำดับการเต้นรำเพลงต่างๆ และมีช่องให้ลงชื่อคู่เต้นที่มาขอเต้นรำตามลำดับเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจเล็กๆ น้อยๆ ว่าเพลงไหนเธอต้องเต้นรำกับใครบ้าง

บัตรเต้นรำมักมาพร้อมกับดินสอแท่งเล็กๆ แต่สุภาพบุรุษเองก็ควรแอบมีดินสอติดตัวมาบ้างเผื่อเวลาที่ดินสอสาวเค้าหายจะได้มีสำรอง รูปลักษณ์ของบัตรเต้นรำมีตั้งแต่เป็นเพียงการ์ดใบเล็กๆ พร้อมริบบิ้นห้อยที่อาจร้อยไว้กับข้อมือได้ ไปจนถึงดีไซน์หรูหราเป็นเล่มสวย สร้างสรรค์สุดคงไม่พ้นทำเป็นพัดซึ่งก็เป็นอีกของติดมือของผู้หญิงในยุคนั้น วัสดุที่มาทำบัตรเต้นรำจึงมีตั้งแต่กระดาษ แล้วเพิ่มมูลค่ามาเป็นแผ่นงาช้างก็ยังมี

Original dance card, circa 1850. Dance card in which the woman notes the program of the dances of the evening and for each of them the dancers who proposed themselves. Mother-of-pearl plates, frieze border in silver, ivory leaflet, silver stylus with silver-plated rivet., Public domain, via Wikimedia Commons

ธรรมเนียมการเขียนชื่อยังเป็นแบบเดียวกับการชวนเต้นรำโดยพื้นฐาน ฝ่ายชายต้องเป็นผู้เอ่ยปากก่อน ฝ่ายหญิงไม่ควรที่จะเป็นคนร้องขอให้เซ็นจะดูไม่งาม เมื่อเขียนชื่อฝ่ายชายแล้วก็เป็นอันสิ้นสุดการตกลง ฝ่ายสุภาพสตรีจะผิดสัญญาไม่ได้ เว้นแต่เธอจะอ้างว่าเหนื่อยล้า แน่นอนว่าอย่างหลังตามมาด้วยการต้องนั่งแกร่วกับฝ่ายชายจนจบเพลงแทน เป็นผู้หญิงยุคนี้ก็ห้ามปฏิเสธนะจ๊ะต้องยิ้มและยิ้มรับเท่านั้น

และนี่คือส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเดบิวตองและงานเต้นรำแบบสไตล์รีเจนซี่ สำหรับใครที่สนใจอ่านเรื่องราวอื่นๆ เกี่ยวกับสมัยนี้ ทางเราก็มีเนื้อหาบางส่วนพร้อมเสริฟในเว็บไซต์ตามช่องทางด้านล่างนี้


อ่านต่อเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยุครีเจนซี่…คลิกตามหัวข้อที่สนใจไปได้เลย!

มีบางอย่างผิดพลาด โปรดรีเฟรชหน้าและ/หรือลองอีกครั้ง.

Featured Image : Frederica, Princess Royal of Prussia, shortly to be Duchess of York, Presented to King George III and Queen Charlotte of Great Britain.(1791).Artist : Richard Livesay (1753–c.1823)

References: