#เรื่องจิ๋มของโบราณคดี วันนี้ขอนำเสนอเรื่องของ Baubo เทพแห่งเสียงหัวเราะและความสนุกสนานในตำนานกรีก ผู้มีรูปลักษณ์พิศดารเหลือเกินในสายตาของคนยุคปัจจุบัน เพราะเธอมาเพื่อ “อ้าขาโชว์จิ๋ม” ให้เราดู
เป็นเทพีองค์หนึ่งซึ่งมีคนพูดถึงน้อยชนิดที่เอ่ยชื่อไปว่า “เบาโบ” (Baubo) ก็คงยังต้องขมวดคิ้วว่าเทพอะไรชื่อตลกจัง ก็สมกับพลังวิเศษของเธอดี เพราะเธอเป็นเทพีแห่งเสียงหัวเราะกับเรื่องขบขันในตำนานของกรีก-โรมัน และอาจเป็นที่อียิปต์ด้วย ภาพลักษณ์ของเธอที่ปรากฏในงานศิลปะเป็นอะไรที่น่าจดจำเหลือเกิน เพราะมักจะเป็นรูปปั้นสตรีกำลังโชว์อวัยวะเพศหญิง บางทีก็เป็นท่อนล่างที่ตรงท้องน้อยมีหน้าคนอยู่

(Image : Christoph Bacher Archäologie Ancient Art)
ทำไมเทพ Baubo ถึงต้องปรากฏตัวในงานศิลปะแบบนี้ แล้วไปข้องเกี่ยวกับการเป็นเทพแห่งเสียงหัวเราะสนุกนานได้อย่างไร คงเป็นเพราะการที่เธอเป็นเทพที่ช่วยให้เทพดีมิเทอร์ (Demeter)เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์คลายความเศร้า
Baubo เป็นเทพสตรีของกรีกโบราณ ตำนานของเธอมาจากเพลงสวดโฮเมอร์ (Homeric Hymn) ซึ่งสันนิษฐานว่าเขียนขึ้นช่วง 700 ปีก่อนคริสตกาล เป็นชุดเพลงสวด (Hymn) ที่ไม่ได้มีการระบุว่าเป็นงานของโฮเมอร์ ทว่ามีลักษณะของความเป็นกลอนมหากาพย์อย่างเดียวกัน
(Image : Patricia Hatcher on Flickr)
ในบทเพลงสวดสรรเสริญดีมิเทอร์ (Homeric Hymn to Demeter) กล่าวถึงความโศกเศร้าของเทพีดีมิเทอร์หลังจากที่ที่เพอร์เซโฟเน่ (Persephone) ถูกลักพาตัวลงไปในยมโลกด้วยฝีมือของเฮดีส (Hades) ดีมิเทอร์เสียใจอย่างมากที่ต้องเสียลูก เธอได้กลายร่างเป็นหญิงชราแล้วหลบไปอาศัยบ้านผู้มั่งคั่งในเมืองอิลูซิด (Eleusis)
ดีมิเทอร์ซึ่งเป็นเทพแห่งการเก็บเกี่ยว ความอุดมสมบูรณ์ และกสิกรรมเมื่อเกิดอาการเศร้าก็ส่งผลทำให้พืชผลและฤดูกาลบนโลกมนุษย์เกิดไม่งอกงามและเต็มไปด้วยความยากลำบาก ไม่มีใครทำให้ดิมิเทอร์ดีขึ้นได้ ดังคำบรรยายต่อไปว่า
“นางนั่งเงียบสงบจมอยู่ในความเศร้าบนตั่ง ไม่ตอบสนองผ่านทางวาจาหรือการเคลื่อนไหว ไม่แย้มยิ้ม ไม่ลิ้มรสอาหารหรือเครื่องดื่มใดๆ เธอทรุดกายอย่างเปล่าดายด้วยหมายคำนึงถึงบุตรสาว”
จนกระทั่ง “อียัมวี” (Iambe) ได้เข้ามาหยอกล้อเล่นตลกกับดิมีเทอร์พระแม่เธอถึงยิ้มกับหัวเราะได้ในที่สุด เธอเริ่มรับเครื่องดื่มและอาหารหลังจากที่ตรอมใจมานาน ส่วนสิ่งแรกที่ดีมิเทอร์ดื่มเป็นครั้งแรกหลังกลับมาจากหลุมของความโศกคือ “คิคคีออน” (Kykeôn) เครื่องดื่มโบราณชนิดหนึ่งของกรีก
ถึงแม้จะมีตัวละคร มีบริบท แต่ในเนื้อหาของเพลงสวดไม่ได้กล่าวว่ามุกหรือการเล่นตลกแบบใดที่ทำให้ดีมิเทอร์กลับมามีความสุขได้ นักวิชาการสันนิษฐานว่าคำอิยัมวีเองอาจจะถูกนำมาใช้เป็นรากคำของกวีกรีกประเภทหนึ่งที่มีเนื้อหาหยาบโลนสัปดนเรียกว่า “อิอัมบุส” (Iambus) ไม่ก็เป็นชื่อของนางเองที่ยืมมาจากกวี
หลายคนคงเริ่มสงสัยแล้วว่าอียัมวีเกี่ยวอะไรกับเบาโบ เรื่องนี้นักปรัชญาเอมเพโดคลีส (Empedocles : 490–430 BC ) เป็นผู้เสนอว่าเทพทั้งสองคือองค์เดียวกัน อียัมวีคืออีกชื่อของเทพีเบาโบ ผู้เป็นเทพบริวารของดีมิเทอร์ นางอาจเป็นลูกของแพน (Pan) กับนางเอคโค่ (Echo) การเล่าตำนานของดีมิเทอร์กับเบาโบเองก็มีข้อแตกต่างกันไปตามนักประพันธ์ แก่นโครงเรื่องยังคงโฟกัสไปที่การคลายความเศร้าของดีมิเทอร์ที่มีแต่เบาโบทำสำเร็จ
Michael C. Carlos Museum, Atlanta, Georgia, USA. (Gary Todd via Flickr)
บางตำนวนมีการระบุว่าวิธีการที่เบาโบทำสำเร็จคือการ
“เลิกชายอาภรณ์ขึ้นและเผยส่วนที่น่าอับอายออกมา”
ไม่มีใครรู้แน่ว่าดีมิเทอร์เห็นอะไรใต้กระโปรงนั้น มีตำนานออกมามากมายตั้งแต่ Baubo โชว์ระบำใต้สะดือ ไปจนถึงว่าตรงที่ควรมีแค่หน้าท้องกลับมีใบหน้าอยู่ตรงนั้น นับแต่นั้นเมื่อมีการสร้างรูปของเทพี Baubo จึงนิยมสร้างเป็นรูปปั้นสตรีที่โชว์อวดเครื่องเพศกันตามขนบธรรมเนียมปรากฏในตำนานแบบนี้นั่นเอง
ไม่ว่าใต้ร่มผ้านั้นจะมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่ แต่ก็ต้องขอบคุณเทพี Baubo ที่ทำให้โลกมนุษย์ไม่ต้องแร้นแค้นกันจนตาย อย่างน้อยก็ยังเหลือฤดูเก็บเกี่ยวและช่วงเวลาซึ่งพืชผลไม่เจริญมนุษย์ก็ยังพออยู่กันได้ด้วยเสียงหัวเราะนั่นเอง
ปะติมากรรมรูปเคารพของเทพีเบาโบมักปรากฏอยู่ในลักษณะคล้ายคลึง แต่จำแนกได้เป็น 5 รูปแบบ คือ
- รูปสตรีอวบซึ่งกำลังแยกขาออกแสดงให้เห็นอวัยวะเพศส่วนปากช่องคลอด
- รูปปั้นสตรีเปลื่อยเปล่าแยกขาออกโดยถือฮาร์พ (Harp) ประกอบอยู่ในพื้นที่ฉากหลัง
- รูปปั้นร่างสตรีไม่มีศีรษะ โดยมีเพียงตั้งแต่ครึ่งตัวล่างลงไปและปรากฏรูปใบหน้าบริเวณท้องน้อย ส่วนคางกลายเป็นอวัยวะเพศหญิงบริเวณปากช่องคลอด
- รูปสตรีกำลังนั่งอยู่โดยมีรูปอวัยเพศหญิงส่วนปากช่องคลอดขยายใหญ่ออกเต็มพื้นที่หว่างขา (ใหญ่จังงงง)
- รูปปั้นสตรีนั่งยองโดยมีมือทั้งสองคว้าจับลงไปบริเวณอวัยวะเพศ
ตำนานเลื่องชื่อของดีมิเทอร์กับเบาโบผูกผันเป็นส่วนหนึ่งของ รหัสยลัทธิแห่งอิลูซิด (Eleusinian Mysteries) หรือเรียกอย่างง่ายว่า “หลักคำสอนที่ลึกลับ” ลัทธิความเชื่อดังกล่าวกำเนิดและมีพิธีกรรมปฏิบัติกันในเมืองอิลูซิดตั้งแต่ราว 1,450 ปีก่อนคริสตกาล โดยปฏิบัติกันมายาวนานจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 5 จึงถูกกวาดล้างจนสิ้น

หากจะมองถึงพัฒนาการของแนวคิดเรื่องเพศในฐานะลัทธิความเชื่อในการบูชาความอุดมสมบูรณ์ อาจจัดได้ว่าเรื่องของทั้ง Baubo และ Demeter มีการพัฒนามาจากรากของแนวคิดมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ยุคหินใหม่ที่มีร่องรอยการบูชาเครื่องเพศมาก่อนแล้ว และวิวัฒนาการมาในยุคประวัติศาสตร์ด้วยยังถือแนวคิดอันคล้ายคลึงกันอยู่นั่นเอง

References :
- Bonfante, L. (2008). FREUD AND THE PSYCHOANALYTICAL MEANING OF THE BAUBO GESTURE IN ANCIENT ART. Source: Notes in the History of Art, 27(2/3), 2–9. http://www.jstor.org/stable/23208130
- Clemens, T. F. (n.d.). Clement, exhortation 1 – 2. CLEMENT, EXHORTATION TO THE GREEKS BOOKS 1-2- Theoi Classical Texts Library. Retrieved December 15, 2022, from https://www.theoi.com/Text/ClementExhortation1.html
- Fisher,M.(October 18,2018).Baubo, Great Goddess and Demeter’s Female Fool in the Eleusinian Mysteries.Ancient-Origins.Retrieved 14 December 2022, from https://www.ancient-origins.net/history/baubo-goddess-0010863
- Morris, Ellen. (2007). Sacred and obscene laughter in The Contendings of Horus and Seth, in Egyptian inversions of everyday life, and in the context of cultic competition.
- Schwentzel, C.G.(January 21, 2020).When did the vulva become obscene?.The Conversation.Retrieved 14 December 2022, from https://theconversation.com/when-did-the-vulva-become-obscene-130078
