เรื่องจิ๋มของโบราณคดี วันนี้ขอเสนอ “Sheela na gig” พัฒนาการจากการบูชาจิ๋มยุคก่อนประวัติศาสตร์สู่ชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมตกแต่งในโบสถ์ของคริสต์
จัดว่าเป็นเรื่องย้อนแย้งเมื่อพูดถึงคริสต์ศาสนากับรูปปั้นที่มีการแสดงอวัยวะเพศชัดเจน แม้ว่าคริสต์จะเป็นศาสนาที่เน้นในการควบคุมอารมณ์ทางเพศ โดยมองว่ากิจกรรมทางเพศบางอย่างเป็นบาป อาทิ การบำบัดความใคร่ด้วยตนเอง เรื่อยไปจนถึงการควบคุมกระทั่งการร่วมเพศด้วยท่ามิชชันนารี แต่โบสถ์คริสต์ในพื้นที่ยุโรปกลับปรากฏรูปปั้นในลักษณะที่แสดงหรืออวดเครื่องเพศหญิง
รูปปั้นนี้มีชื่อว่า Sheela na gig เป็นชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมยุคคริสต์ศตวรรษที่ 12 ราวๆ ช่วงยุคโรมาเนสก์จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ลักษณะทางประติมานโดยรวมคือเป็นรูปสตรีกำลังนั่งแยกขาออก สองมือเข้าไปเปิดปากช่องคลอด พบในพื้นที่ประเทศฝรั่งเศส, สเปน, อิตาลี, นอร์เวย์, สวิตเซอร์แลนด์, สโลวะเกีย, โปรตุเกส และสาธารณรัฐเชค แพร่กระจายในกลุ่มชาติพันธุ์ที่ชื่อว่า Gaels ซึ่งเป็นชนชาติโบราณชาวไอริช สก็อตแลนด์ และทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปยุโรปขยายตัวหรือส่งอิทธิพลไปถึง โดยพบตามสถานที่ที่เป็นโบสถ์ในชนบท ปราสาท สะพาน บ่อน้ำศักดิ์สิทธ์ และพบเป็นรูปปั้นเดี่ยวๆ ด้วยเช่นกัน
ในเรื่องความหมายและหน้าที่ไปจนถึงที่มาของ Sheela na gig ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนและก็ยังมีการถกเถียงกันอยู่ นักวิชาการมีความเห็นแย้งกันตั้งแต่ที่มาของการสร้าง ส่วนหนึ่งมองว่าเป็นการพัฒนาต่อยอดแนวคิดการบูชาความอุดมสมบูรณ์ผ่านเพศยุคก่อนประวัติศาสตร์ อีกฝ่ายมองว่าอาจเป็นขนบการสร้างซึ่งยึดโยงกับปกรณัมของชาวเคลท์ (Celt)
นักคติชนวิทยาสันนิษฐานว่า Sheela na gig อาจเป็นรูปเคารพเหมือนเทพีกบแห่งความอุดมสมบูรณ์ (Fertility Frog Goddess) ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ด้วยเพราะลักษณะท่าทางคล้ายคลึงกันอย่างมาก เพราะทั้งสองมักปรากฏในรูปของสตรีนั่งยองถ่างขาออกให้เห็นเครื่องเพศ (คล้ายขาของกบ) อีกแนวคิดโยงเข้ากับเทพีของไอร์แลน์คือกอบนิท (Gobnait) ที่ภายหลังถูกผนวกเป็นนักบุญอีกองค์ในศาสนาคริสต์นิกายคาธอลิก

หน้าที่ของ Sheela na gig นี่ล่ะที่น่าสนใจ เพราะมีการค้นพบรูปแบบความเชื่อที่แตกต่าง บทบาทของ Sheela na gig ครอบคลุมตั้งแต่การเจริญพันธุ์ไปจนถึงการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายทำนองเดียวกับ Evil eye เราสามารถจำแนกบทบาทหน้าที่ของรูปปั้นได้ดังนี้
“จิ๋มแห่งชีวิต”
ความเชื่อเกี่ยวกับพลังเพศหญิงมักข้องเกี่ยวกับการให้กำเนิดอย่างยากจะเลี่ยง เพราะผู้หญิงเป็นผู้ทำให้เกิดชีวิตใหม่ รูป Sheela na gig เองก็มีการพบในลักษณะแสดงความเป็นแม่ คือมีลักษณะท้องโตหรือกำลังคลอดบุตร บางทีก็เป็นรูปนั่งถ่างขาและอุ้มเด็กเอาไว้
ลักษณะแบบนี้เองคล้ายคลึงกับศาสนายุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงช่วงต้นสมัยประวัติศาสตร์ที่มีการบูชาเครื่องเพศเพื่อความอุดมสมบูรณ์ (Fertility cults) ซึ่งพบกระจายในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก การบูชารูป Sheela na gig อาจเป็นมรดกของความเชื่อโบราณในฐานะเทพมารดรหรือเทพีผู้สร้าง ไปจนถึงเทพีที่คุ้มครองเรื่องการคลอดบุตรด้วย
ในทางกลับกันโยนีหรือช่องคลอดของสตรีอาจเป็นสัญญะไปสู่ความตาย เพราะการเกิดและการตายเป็นสัจธรรมที่มาคู่กัน รูปของ Sheela na gig บางรูปจึงปรากฏลักษณะของรูปสลักคล้ายเป็นโครงกระดูก ส่วนศีรษะเองก็อาจเหลือเพียงกะโหลก ในขณะที่ช่วงล่างยังคงมีปากช่องคลอดที่เปิดอ้า ดูอย่างไรก็เป็นการแสดงภาพของความตายกับการกำเนิดไปพร้อมๆ กัน
ตำแหน่งประดับรูป Sheela na gig ที่อยู่บนผนังโบสถ์คริสต์บางแห่งจึงหันออกไปทางสุสาน ไม่ก็นิยมสร้างรูปเคารพแบบเดียวกันไว้ในสุสานเลย คนยุคคริสต์ศตวรรษที่ 19 ยังเชื่อว่าการทำรูป Sheela na gig ไว้ในสถานฝังศพจะเป็นการช่วยรักษาความสงบในโลกหลังความตายของผู้ล่วงลับ

จากการค้นพบสุสานของบิชอปเวลเลสลี่ (Bishop Wellesley) ซึ่งปัจจุบันถูกย้ายมาอยู่ที่อาสนวิหารคิลแดร์ (Kildare Cathedral) ประเทศไอร์แลนด์ ยังมีการสลักภาพนูนต่ำของ Sheela na gig เอาไว้ที่มุมด้านหนึ่งซึ่งถ้าหากมีโอกาสไปมองหาก็อาจจะต้องมองจากมุมด้านล่างของแท่นขึ้นไปถึงจะเห็น

เมื่อมีการนำความเชื่อใหม่เข้ามาอย่างคริสต์ศาสนาซึ่งแพร่กระจายเข้ามาภายหลัง การผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมท้องถิ่นและวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลใหม่จึงเกิดขึ้น ความสำคัญของ Sheela na gig หรือเทพีผู้สร้างองค์เดิมจึงถูกลดสถานะลงเป็นเพียงชิ้นส่วนประกอบความเชื่อใหม่ที่มีการนับถือพระเจ้าสูงสุดเพียงองค์เดียว ลักษณะคล้ายกับการที่พุทธศาสนาในระยะหลังเองก็มีการกลืนความเชื่อฮินดูโดยนำเทพเดิมเข้ามามีเรื่องราวในความเชื่อใหม่โดยสถานะนั้นไม่มีบทบาทสูงส่งเท่าเดิม แต่เป็นรองเพื่อให้การยอมรับศาสนาใหม่เป็นไปได้อย่างราบรื่นและสะดวกใจมากขึ้น

“จิ๋มปราบมาร” ปกปักษ์เขตแดน ป้องกันความอัปมงคล
ตำแหน่งและจุดที่พบรูปปั้นนี้คือบริเวณซึ่งนิยมสร้างสิ่งที่ช่วยปัดเป่าความชั่วร้ายออกไป ดังเช่นการสร้างรูปปั้นกากอยล์ หรืออื่นๆ ทำให้ฟังก์ชั่นการสร้างประดับโบสถ์ดูเป็นไปในทางนั้น เรียกได้ว่าเป็น “จิ๋มปราบมาร” นั่นเอง โดยจะประดับบนคาคบหลังคาเป็นแบบที่รูปปั้นกากอยล์หรือรูปบุคคลกึ่งๆ เครื่องรางอารักขาพื้นที่ พูดแบบบ้านเราก็เหมือนรูปปั้นทวารบาล เอาไว้ป้องกันสิ่งไม่ดี ผี ปีศาจ มารร้ายไม่ให้กล้ำกราย
Sheela na gig ถือเป็นผู้พิทักษ์ถนนหนทาง รวมถึงทางผ่านเข้าออกด้วย จึงมีการสร้างรูปสลักดังกล่าวอยู่บนวงกบเหนือประตูหรืออยู่บนผนังติดกับประตูหน้าต่างทางเข้า-ออกของสถานที่สำคัญ อย่างปราสาท วิหาร บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
ปราสาทบางแห่งสร้างรูปสลักนี้ตั้งแต่ประตูทางเข้าเพื่อให้ทำหน้าที่ปกป้องไม่ให้ข้าศึกเข้ามายังปราสาทได้ ทำให้สิ่งนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ “หญิงชราแห่งปราสาท” (Hags of the Castle) อีกทางหนึ่ง
สุดท้ายนี้ Sheela na gig จึงกลายเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติที่รักษาโรคภัยได้ด้วย คงเพราะหากรูปสลักสามารถขับไล่สิ่งไม่ดีไม่ให้เข้าบ้านหรือโบสถ์ได้ ก็ย่อมจะช่วยปัดเป่าโรคร้ายได้เช่นกัน บางคนที่เมื่อผ่านไปเจอ Sheela na gig ก็อาจจะเอามือไปลูบเอาโชคเอาลางเสียหน่อย ได้ไม่ได้ก็ไม่เสียหายนี่นะ
Featured Image : A 12th-century sheela na gig on the outside of the chancel apse of Kilpeck church, Herefordshire. Photograph: Mick Sharp/Alamy via The Guardian
References :
- Goode,S.(2021).The Icon of the Vulva, A Basis of Civilization. The Journal of Archeomythology Volume 10: 87-118. Download Essay
- Jones,S.(Febuary 19, 2019).Sheela-na-gigs: The naked women adorning Britain’s churches.BBC.Retrieved 20 December 2022, from https://www.bbc.com/news/uk-england-45116614
- Stevens,J.(March 8, 2021).Big vagina energy: the return of the sheela na gig.The Guardian.Retrieved 20 December 2022, from https://www.theguardian.com/world/2021/mar/08/big-vagina-energy-the-return-of-the-sheela-na-gig
- Wu,M.(November 29, 2017).Why Are There Carvings of Women Flashing Their Genitals on Churches Across Europe?.Ancient-Origins.Retrieved 20 December 2022, from https://www.ancient-origins.net/artifacts-other-artifacts/why-are-there-carvings-women-flashing-their-genitals-churches-across-021737
