เมื่อศักดิ์สิทธิ์หมายถึงปราศจากเพศ ในบางครั้งคติของงานสร้างสรรค์ศิลปะจึงไม่พ้นยุ่งเหยิงอยู่กับแนวคิดที่จะสืบทอดความศักดิ์สิทธิ์ในแบบที่สังคมเห็นควร ภาพของพระบุตรในคริสต์ศาสนาก็เช่นเดียวกัน
“การนมัสการของเหล่าโหราจารย์” (The Adoration of the Magi) ถือเป็นหนึ่งในธีมสำคัญของศิลปะตะวันตกซึ่งว่าด้วย การมาถึงของเหล่ามาไจทั้งสามจากแดนตะวันออก ผู้ที่ออกเดินทางมาจากต่างทิศตามดวงดาวจนถึงเบทเลเฮม สถานที่ประสูติของพระเยซู โดยทั้งสามได้มอบของขวัญล้ำค่า 3 สิ่งคือทองค กำยาน และมดยอบ สัญลักษณ์ของกษัตริย์ พระเจ้าและความเป็นมนุษย์ (Matthew 2:11)
ในพระวรสารฉบับแมตทิวเองไม่ได้ระบุจำนวนของโหราจารย์ ทว่าในจารึกที่ค้นพบที่กรีกในช่วง ค.ศ. 500 ระบุถึงชื่อ แคสปาร์ (Caspar) เมลคิออร์ (Melchior) และบัลทาซาร์ (Balthasar) โดยตามขนบแล้วมักวาดภาพทั้งสามในวัยหนุ่ม วันกลางคนและวัยชรา โดยหนึ่งในสามมักมี ผิวดำตามคำบรรยายของ St. Bede ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 8 และมักแต่งกายในวรรณะกษัตริย์อิงตาม Psalm 72:11 ที่ว่า เหล่าราชาทั้งปวงล้วนคุกเข่าลงต่อหน้าพระคริสต์
ประเด็นที่น่าสนใจของคืนนี้อยู่ที่ภาพที่วาดโดย Bruegel the Elder (1525 – 1569) จิตรกรเอกชาวดัทช์ในช่วง Renaissance ภาพของ Bruegel นั้นไม่ได้แตกต่างจากภาพในยุคเดียวกันมากนัก ทารกพระเยซูและแม่พระใต้คอกสัตว์รายล้อมด้วยขบวนของสามกษัตริย์มาไจ ด้านหลังเป็นเซนต์โยเซฟที่กำลังฟังเสียงกระซิบของเหล่าคนเลี้ยงสัตว์ สองโหราจารย์เมลคิออร์พร้อมกำยานและบัลทาซาร์ที่กำลังถวายเหรียญทองรวมกันอยู่ทางด้านซ้ายของภาพ ทารกพระเยซูเปล่าเปลือยอยู่กลางภาพโดยปราศจากกระจู๋! ทว่านี่ไม่ใช่เรื่องราวของศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด หากแต่เป็นขนบหนึ่งในการวาดภาพที่มักเซ็นเซอร์การแสดงเครื่องเพศของพระคริสต์ (Ostentatio Genitalium) ออกไป

ในที่นี้เครื่องเพศเองนับเป็นข้อบ่งชี้สำคัญต่อสถานะของพระเยซู ซึ่งเคยเป็นข้อถกเถียงสำคัญในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5 โดยสภาแห่ง Chalcedon สรุปให้พระองค์ทรงมีทั้งสถานะของมนุษย์และพระเจ้าควบคู่กัน ในภาพของ Bruegel กระจู๋ศักดิ์สิทธิล่องหนหายตัว มีแต่เพียงโหราจารย์ชราด้านหน้าที่ได้เห็นเต็มตา ทว่าความสงสัยต่อความศักด์สิทธิ์ของกระจู๋ (สถานะความเป็นมนุษย์) ยังคงอยู่
ภาระความศรัทธานี้ถูกเปิดเผยในตำรา “On n’y voit rien” (ซึ่งแปลตรงตัวว่า “ไม่เห็นอะไรเลย”) โดย Daniel Arasse นักประวัติศาสตร์ศิลปะชาวฝรั่งเศสที่มักสนใจในรายละเอียดแปลกๆ ของภาพ โดยอาราสส์สังเกตเห็นถึงภาพสะท้อนภายในนัยต์ตาดำของโหราจารย์แคสปาร์ กษัตริย์ผิวดำทางด้านขวาของภาพ “วงโค้งกระจิ๋วสีขาวสำหรับลูกตาซ้าย และหยดสีสว่างเล็กๆ สองหยดใกล้กับรูม่านตาที่แทบมองไม่เห็น ช่วยระบุสายตาที่เพ่งมองไปยังสิ่งที่เห็น” (สายัณห์ แดงกลม: Punctum III. ผิวภาพ)* กลุ่มก้อนของรูปทรงจุดสีขาวสามจุดนั้นจะแทนกระ
จู๋ศักดิ์สิทธิ์ได้จริงหรือ มุมมองของแคสปาร์ที่ยืนอยู่นั้นแท้จริงแล้วเห็นอะไร เพราะดูคำตอบของอาราสส์ก็เหมือนจะชัดแต่ก็มัว ก็คงได้แต่เชื่อว่า “สายตามันหลอกกันไม่ได้
*ขอขอบคุณความอนุเคราะห์ข้อมูลจาก อ.สายัณห์ แดงกลม ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี

Reference :
- สายัณห์ แดงกลม. “Punctum III. ผิวภาพ”, รัฐศาสตร์สาร ปีที่ 29 ฉบับที่ 3 (กันยายน-ธันวาคม 2551) หน้า 84-130.
One thought on “#FRIART เรื่องราวความ “ศักดิ์สิทธิ์” ของกระจู๋ที่หายไป!!!”