พิธีสาปแช่งแบบญี่ปุ่น | การไปเยือนศาลเจ้ายามฉลู

แฟนมังงะหรืออนิเมะญี่ปุ่นน่าจะเคยเห็นภาพของการสาปแช่งด้วยการสวมขาตั้งเหล็กปักเทียนที่กำลังลุกไหม้ มือบรรจงตอกหุ่นฟางให้ติดกับต้นไม้ด้วยตะปูท่ามกลางความมืดมิด พิธีกรรมเช่นนี้เป็นความเชื่อที่เก่าแก่และยังคงถือกันจนถึงปัจจุบัน เรียกว่า “การเยือนศาลเจ้ายามฉลู” หากท่านมีความแค้น นี่คืออีกวิธีช่วยชำระ วิธีทำเป็นอย่างไรมาศึกษาดู!

อุชิ โนะ โคคุ ไมริ” [丑の刻参り] หรือ “อุชิ โนะ โทคิ ไมริ” [丑の時参] แปลตรงตัวว่า “การไปเยือนเวลาฉลู” โดยสัมพันธ์กับการไปเยือนศาลเจ้ายามวิกาล เวลาฉลูตามการนับแบบโบราณหมายถึงช่วงเวลาระหว่างตี 1-3 (01.00-03.00 น.) หากมันเป็นเรื่องสามัญก็คงจะดูแปลกเมื่อคนเราจะไปสักการะเทพกลางดึก แต่นี่คือการไปเยือนเพื่อประกอบพิธีกรรมด้านมืดอย่างการสาปแช่ง ย่อมต้องอาศัยการดูฤกษ์ยามเป็นพิเศษ และเวลาฉลูนี้มีนัยยะทางความเชื่อบางประการที่ส่งผลให้คำขอนั้นศักดิ์สิทธิ์ขึ้น เรื่องความเชื่อดังกล่าวต้องย้อนกลับไปไกลในยุคโบราณ

ว่ากันว่าหลักฐานของการประกอบพิธีสาปแช่งนี้เก่าแก่ไปถึงยุคโคะฟุน ราวคริสต์ศตวรรษที่ 8 ในพื้นที่แถบนารา [奈良] มีการพบตุ๊กตาแกะจากแผ่นไม้ โดยพบตะปูตอกอยู่บริเวณอก นอกจากนี้ยังพบที่จังหวัดชิมาเนะ [島根県] ในลักษณะของตุ๊กตาไม้ตกแต่งทาสีเป็นสตรีชั้นสูง มีรอยตอกด้วยลิ่มไม้ทะลุร่าง สองกรณีนี้อาจตีความได้ว่าเป็นการค้นพบหลักฐานพยานวัตถุยุคแรกๆ ที่มีนัยความเชื่อเกี่ยวกับการสาปแช่ง แต่ยังไม่ปรากฏรูปแบบชัดเจนมากพอจะสรุปได้ว่าเป็นพิธีกรรมในลักษณะเดียวกับยุคหลัง

ตุ๊กตาไม้ที่พบจากคามิโกะเต็น [上御殿] จังหวัดชิงะ [滋賀県] ที่อาจใช้ในการประุกอบพิธีกรรมตามความเชื่อโบราณ | Photo : Shiga Association for the Protection of Cultural Properties

กว่าพิธีนี้จะเริ่มมีแบบแผนปรากฏก็ตอนที่ลัทธิองเมียวโด [陰陽道] เจริญงอกงามในสังคมญี่ปุ่น คือช่วงสมัยเฮอัน (ค.ศ. 794 – 1192) โดยปรากฏเรื่องราวของฮาชิฮิเมะ หญิงที่แค้นคนรักมากจนยอมทำพิธีสาปแช่งขอพรจากศาลเจ้าคิฟุเนะเพื่อให้ตนกลายเป็นโอนิ [鬼] ตำนานดังกล่าวถูกบันทึกไว้ในตำนานเฮเคะ [平家物語] กับรวมบทกวีโคคิน วะกาชู [古今和歌集] เรียกว่าอาจเป็นหลักฐานเก่าแก่ที่สุดที่ระบุรูปแบบพิธีกรรมเอาไว้ ด้วยความเชื่อที่ว่าเทพแห่งศาลเจ้าคิฟุเนะจะเสด็จลงมาในปีฉลู เดือนฉลู วันฉลุ และแน่นอน… ในยามฉลู ทำให้พิธีกรรมนี้ปฏิบัติกันตามเวลานั้น เมื่อความเชื่อนี้แพร่กระจายไปในภูมิภาคอื่น เวลาฉลูจึงยังเป็นช่วงยามที่ยึดถือกันตามต้นตำหรับจากเกียวโตนั่นเอง

วงล้อเวลาตามระบบนักษัตรแบบญี่ปุ่นหรือ จูนิชิ [十二支]
Photo : The French Academic Network for Asian Studies

ยามฉลูนั้นคนญี่ปุ่นมองว่าเป็นยามผีออก ช่วงนี้ทั้งภูตผีปีศาจและสิ่งเหนือธรรมชาติจะออกมาหลอกหลอน จึงเหมาะจะประกอบพิธีสาปแช่งเป็นที่สุด เวลาที่เฮี้ยนสุดคงไม่พ้นยามฉลูคาบที่ 3 หรือประมาณช่วง 02.00 – 02.30 น. เพราะเป็นยามใกล้เข้ายามขาล ตามความเชื่อเรื่องทิศในหลักโหราศาสตร์ประตูผีของญี่ปุ่นตั้งอยู่ตรงทิศฉลูขาล คือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีอะไรขลังเท่ากับการเลือกโมงยามในเวลาที่ประตูผีเปิดให้ผีสางอาละวาดได้อีกเล่า

ยุคมุโรมาจิ (ค.ศ. 1337 – 1573) เกิดการนำโครงเรื่องของฮาชิฮิเมะหลอมรวมกับพิธีกรรมองเมียว กลายเป็นละครโนห์เรื่องคานาวะ [鉄輪] สร้างภาพจำในรูปแบบของการทำอุชิ โนะ โคคุ ไมริที่นิยมทำสืบต่อกันมา การไปเยือนศาลเจ้ายามฉลูยังถูกผลิตซ้ำในงานศิลปะยุคเอโดะตลอดจนถูกหยิบยกมาเล่าใหม่ในสื่อต่างๆ จนเป็นวัฒนธรรมฝังแน่นในสังคมญี่ปุ่น

ความเชื่อชินโตนั้นมองว่าต้นไม้บางต้นเป็นที่สถิตย์ของเทพเจ้า เรียกว่าชินโบคุ [神木] ภายในศาลเจ้าบางแห่งจึงมีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง ต้นไม้เหล่านี้คือจุดสำหรับประกอบพิธีสาปแช่ง บางแห่งยังปรากฏรอยแค้นของความพยาบาทตั้งแต่ยุคอดีต สถานที่มีชื่อในด้านนี้ได้แก่ ศาลเจ้าคิฟุเนะ [貴船神社] เมืองเกียวโต ซึ่งมีตำนานเก่าแก่เกี่ยวกับพิธีกรรมมากที่สุด, ศาลเล็กๆ ใกล้กับวัดคิโยมิสุ [清水寺] เมืองเกียวโต ชื่อว่าศาลจิชู [地主神社] และศาลเจ้าอิคุเระ [育霊神社] เมืองนิอิมิ [新見市] โอกายามะ [岡山県] เป็นต้น

อุชิ โนะ โคคุ ไมริ [丑の刻参り] ค.ศ.1765 โดยซุซุกิ ฮารุโนบุ [鈴木 春信] © The Metropolitan Museum of Art

อุปกรณ์สำหรับประกอบพิธีสาปแช่ง

  • กิโมโนและโอบิสีขาวล้วน
  • วาระนิงเงียว [藁人形] ตุ๊กตาทำจากฟางเป็นรูปคน
  • เศษผม เล็บ หรือเลือดของคนที่เราจะสาป หากไม่มีอาจเป็นรูปหรือชื่อแทนก็ได้
  • ค้อนและตะปูยาว 5 ซุน [五寸釘]
  • ขาตั้งหม้อเหล็กสามขา
  • เทียนหรือไต้สำหรับปักบนขาตั้ง

การแต่งกาย

การแต่งกายสำหรับทำพิธีอาจมีข้อแตกต่างกันในแต่ละสมัย เช่นในยุคเฮอันระบุว่าทำการทาหน้าและตัวด้วยสีแดงชาด แต่ภายหลังนิยมทาสีขาวมากกว่า อย่างไรก็ตามให้คำนึงว่าเป็นการทำตัวให้กลมกลืนกับภูตผีปีศาจ ส่วนลักษณะเครื่องแต่งกายที่เห็นกันบ่อยมาจากแบบฉบับของยุคเอโดะ โดยจะประกอบด้วยสิ่งเหล่านี้

การเยือนศาลเจ้ายามฉลู โดยอุตากาวะ คุนิโยชิ [歌川 国芳 | ค.ศ. 1798 – 1861] ©The AGGV collection eMuseum
  • กิโมโนและโอบิสีขาวล้วน มีสายคาดเอวยาวผูกปลายด้านหนึ่งไว้กับเอว อีกด้านปล่อยทิ้งไว้ให้ยาวโบกสะบัดยามวิ่งไปในยามราตรีเพื่อไปยังจุดทำพิธี
  • หากผู้ทำพิธีเป็นหญิง ให้ปล่อยผมยาวสยายรุงรังเพื่อให้คล้ายกับภูตผีกระเซอะกระเซิง
  • นำขาตั้งหม้อเหล็กสามขามาสวมให้ปลายขาพลิกขึ้นด้านบน ที่ขาแต่ละข้างปักเทียนหรือไต้ จุดไฟให้โชติช่วงตลอดทุกเล่ม
  • กระจกถือเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่งในศาสนาชินโต ให้นำกระจกทรงกลมเล็กนำมาแขวนห้อยคอให้อยู่ตรงระดับอก
  • เหน็บมีดสั้นไว้ที่ผ้าคาดเอว มีดจะมีประโยชน์ไว้ใช้ปิดปากคนที่มาเห็นเราระหว่างทำพิธี
  • สวมรองเท้าเกี๊ยะเกตะ [下駄] ที่มีพื้นขาหรือฮะ (歯) ซี่เดียวโดยไม่ต้องสวมถุงเท้า ฮะนี้ไม่มีกำหนดตายตัวว่าต้องสูงแค่ไหน แต่คนสวมต้องคำนึงว่าจะต้องสวมเพื่อใช้วิ่ง หมายความว่าถ้าสูงมากก็ย่อมเดินยากเป็นธรรมดา หากไม่ไหวจริงๆ ก็เลือกใช้เท้าเปล่าได้
  • ต้องมีหวีไม้เล็กๆ ที่เรียกว่าคุชิ [櫛] สำหรับใช้คาบในปาก ระหว่างเดินหรือวิ่งมาจนถึงระหว่างทำพิธีต้องกัดหวีเอาไว้ให้มั่น หวีนี้เป็นกุศโลบายช่วยรักษาความเงียบและสมาธิ บางตำราก็ว่าใช้มีดโกนแทนก็มี

การประกอบพิธีกรรม

  • แต่งกายให้เรียบร้อยและเดินทางมายังจุดทำพิธีให้เงียบที่สุด วิ่งโดยที่ปลายผ้าคาดเอวลอยไม่สัมผัสพื้น เพราะหากผ้าแตะพื้นก่อนถึงต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ออาจส่งผลต่อความขลังของพิธี
  • ตอกตะปูทะลุหุ่นฟางให้ยึดเข้ากับต้นไม้ เพื่อผลที่ดีควรมีเศษผม เล็บ หรือใช้เป็นรูปของคนที่เราสาปแช่งติดไปกับหุ่นด้วย
  • ไม่มีคาถาหรือบทสวดอะไรที่ต้องยึดถือ เน้นไปที่ความแค้นล้วนๆ แล้วสาปแช่งอีกฝ่ายไปในขณะที่ตอกตะปูลงไป ต้องการให้คนที่โดนสาปเป็นอย่างไรก็ตั้งจิตเอาอย่างนั้น
  • ระหว่างพิธีห้ามมีผู้พบเห็นโดยเด็ดขาด คำสาปจะไม่ได้ผลและอาจย้อนเข้าหาตัว แต่ถ้าฆ่าคนที่มาเห็นได้จะถือว่าไม่เป็นผล มีดสั้นมีไว้เพื่อการนี้
  • พิธีสาปแช่งต้องกระทำติดต่อกัน 7 คืน ห้ามขาด หากทำครบ 7 ครั้งภายใต้เงื่อนไขจะถือว่าพิธีกรรมสำเร็จ คนที่โดนสาปจะประสบเคราะห์กรรมภายใน 7 วัน
หญิงสาวประกอบพิธีสาปแช่ง ผลงานของคัตสึชิกะ โฮคุไซ [葛飾北斎], Public domain, via Wikimedia Commons

References :

One thought on “พิธีสาปแช่งแบบญี่ปุ่น | การไปเยือนศาลเจ้ายามฉลู”

ใส่ความเห็น

Please log in using one of these methods to post your comment:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.